แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ LTAX3000 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ LTAX3000 แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ขั้นตอนจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน

ที่มา:http://techforlocal.wordpress.com/2011/08/01/ctm/
ขั้นตอนจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน
  1. ให้เริ่มต้นจากการทำข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินเป็นอันดับแรก โดยจากการจัดทำข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินที่มีอยู่(เฉพาะข้อมูลที่เก็บภาษีอยู่ ในปัจจุบัน)ให้มีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เช่นการจัดเก็บและรวบรวมเอกสารต่างๆ ให้สมบูรณ์ เช่น สำเนาเอกสารสิทธิ์ที่ดิน และสำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้าน ในกรณีของภาษีบำรุงท้องที่ และรายละเอียดประเภทโรงเรือน การใช้ประโยชน์โรงเรือน และขนาดพื้นที่ ในกรณีภาษีโรงเรือนและที่ดิน เป็นต้น
  2. จัดหาโปรแกรมบริหารจัดการทะเบียนทรัพย์สินเพื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น L-Tax, …
ในขั้นตอนการจัดทำข้อมูลภาษีบำรุงท้องที่เริ่มต้นจากขบวนการ จัดเก็บข้อมูลจากเจ้าของแปลงที่ดิน ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดที่สุด โดยเก็บในระหว่างที่มีการยื่นแบบแสดงรายการที่ดิน(ภ.บ.ท.5) ซึ่งเจ้าของที่ดินจะต้องยื่นทุก 4 ปีซึ่งจะครบกำหนดต้องยื่นในปี 2553 นี้ โดยในการยื่นแบบ ภ.บ.ท.5 ที่ถูกต้องนั้นจะต้องยื่นสำเนาเอกสารสิทธิ์ที่ดิน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของด้วย เพื่อตรวจสอบเอกสารว่าถูกต้องหรือไม่ และจะต้องยื่นทุกคนที่เป็นเจ้าของแปลงที่ดินในพื้นที่ไม่ว่าจะต้องเสียภาษี หรือไม่
ปัญหาการบันทึกข้อมูลทะเบียนทรัพย์สิน
ในกรณีที่จัดทำทะเบียนทรัพย์สินก่อนแผนที่ภาษี เราจะไม่ทราบรหัสทรัพย์สิน(เขต/เขตย่อย/ลำดับแปลง)ของแต่ละทรัพย์สินที่จะ ใช้ในการบันทึกข้อมูล แนวทางการแก้ไขคือให้จำลองรหัสขึ้นมาโดยข้ามรหัสที่จะมีการใช้งานในอนาคต เช่นถ้าเราสามารถแบ่งเขตได้เป็น 01-09 ก็ให้ข้ามรหัสดังกล่าวโดยการใช้ 11-19 แทน เป็นต้น เพื่อในอนาคตพอเราสามารถจัดทำแผนที่ได้สำเร็จ เราก็เพียงแต่แก้ไขรหัสทรัพย์สินเท่านั้น

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

บริการจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน.

            ด้วยกระทรวงมหาดไทย มีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำแผนที่ภาษี และทะเบียนทรัพย์สินเพื่อนำไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ จึงได้ออกระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2550 ซึ่งระเบียบดังกล่าวได้กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเห็นว่าเพื่อเป็นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวง มหาดไทย ดังกล่าว และการจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินเมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยตาม โครงการแล้วจะทำให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินต่าง ๆ ของประชาชนไว้ใช้สำหรับการจัดเก็บภาษี (ภาษีบำรุงท้องที่, ภาษีโรงเรือนที่ดินและภาษีป้าย) รวมทั้งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตต่างๆ ไว้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการเร่งรัดติดตามจัดเก็บรายได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และเป็นธรรมแก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอย่างแท้จริง และยังทำให้การจัดเก็บภาษีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีระบบฐานข้อมูลที่แน่นอนและสามารถตรวจสอบได้โดยสะดวก รวดเร็ว นอกจากนี้ทุกหน่วยงานภายในท้องถิ่นก็สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการบริหารงานและ พัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายละเอียดในการดำเนินการดังนี้
1.1 จัดทำแผนแม่บท
ดำเนินการจัดทำแผนที่แม่บทระบบดิจิตอล (Digital System) เพื่อใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการการสำรวจข้อมูลภาคสนามโดยรวบรวมแปลงที่ดิน ในพื้นที่ทั้งหมดจากเอกสารต่างๆจากสำนักงานที่ดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยแยกเป็นชั้นข้อมูลต่าง ๆ และต้องสามารถเชื่อมโยงเข้ากับโปรแกรมแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินได้อีก ด้วย
1.      จัดทำแผนที่แสดงแนวเขตปกครองและมีชื่อเลขระวางกำกับระวาง
2.      คัดลอก ระวางที่ดินทุกประเภทที่อยู่ในเขตปกครองโดยสำเนาเท่าต้นฉบับจริงทุกระวางรวม ทั้งระวางขยายจากสำนักงานที่ดิน
3.      กวาดภาพข้อมูลระวางที่ดินที่ได้คัดลอกจาก สำนักงานที่ดิน
4.      ปรับแก้ความถูกต้องทางเรขาคณิตและทางพิกัดภูมิศาสตร์ของ ระวางที่ดิน เพื่อนำมาเชื่อมต่อ(แสดง)ในระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ให้เป็นผืนเดียวกัน
5.      จัดทำรูปแสดงแผนที่ดิจิตอล (รูปแปลงที่ดิน) จากระวางที่ดินซึ่งเป็นข้อมูลเชิงพื้นที่ให้สามารถอ้างอิงตำแหน่งพิกัดทาง ภูมิศาสตร์
6.      จัดทำรูปแสดงแผนที่ดิจิตอลแบ่งเขตปกครองในระวางเป็นแบบรายเขต (Zone) ตามความเหมาะสมโดยอ้างอิงแนวทางจากคู่มือการจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียน ทรัพย์สิน
7.      จัดทำรูปแสดงแผนที่ดิจิตอลแบ่งเขตในระวางเป็นแบบรายเขตย่อย (Block) ตามความเหมาะสมโดยอ้างอิงแนวทางจากคู่มือการจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียน ทรัพย์สิน
8.      จัดทำรูปแปลงที่ดินพร้อมหมุดดิน(ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนด )เท่าขนาดระวางที่ดินต้นฉบับ และลงเลขประจำแปลงที่ดิน (Lot) แต่ละแปลงภายในเขตย่อยทั้งหมด และแสดงรายละเอียดรูปแปลงที่ดิน เลขประจำแปลงที่ดิน (Lot) เลขที่ดิน และเลขที่ระวาง
1.2 จัดทำแผนที่ทางกายภาพ
ดำเนินการจัดทำแผนที่ดิจิตอลข้อมูลกายภาพหรือข้อมูลฐาน(Base Map)จากข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศ หรือข้อมูลภาพดาวเทียมรายละเอียดสูงหรือข้อมูลอื่นที่มีคุณภาพเทียบเท่าหรือ ดีกว่า เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับหน่วยงานอื่นๆ ครอบคลุมพื้นที่ปกครอง
1.      จัดหาข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศสีหรือข้อมูลภาพถ่ายจาก ดาวเทียมรายละเอียดสูงครอบคลุมพื้นที่ปกครอง
2.      ปรับแก้ความถูกต้องทาง เรขาคณิตและทางพิกัดภูมิศาสตร์ของภาพถ่ายทางอากาศสีหรือข้อมูลภาพถ่ายจากดาว เทียมรายละเอียดสูง
3.      นำเข้าสู่ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
4.      จัดทำแผนที่ ข้อมูลกายภาพ(Base Map) จากภาพที่ได้นำเข้าสู่ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ ประกอบด้วยชั้นข้อมูลดังนี้ ชั้นข้อมูลตารางกริด (Grid) ชั้นข้อมูลโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ(Building) ชั้นข้อมูลทางน้ำ(หรือแหล่งน้ำ) เส้นทางคมนาคม(ถนน) ทั้งเส้นกึ่งกลางและเส้นขอบ
5.      จัดทำแบบพิมพ์(Print Template)แผนที่แม่บทในรูปแบบข้อมูลเชิงตัวเลข(Digital Map) เมื่อต้องการพิมพ์แผนที่แม่บทให้มีรูปแบบตามที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่า ด้วยแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2550 กำหนด
1.3 จัดทำข้อมูลทะเบียนทรัพย์สิน
จัดทำและนำเข้าข้อมูลทะเบียนทรัพย์สิน สู่ระบบสารสนเทศงานทะเบียนทรัพย์สิน เพื่อนำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการรับชำระภาษี
1.      นำเข้าข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินสู่ระบบสารสนเทศงานทะเบียนทรัพย์สิน
2.      สำรวจและปรับปรุงข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินครอบคลุมพื้นที่ ตามข้อมูลที่คัดลอกมาจากสำนักงานที่ดิน
3.      ปรับปรุงแผนที่ภาษีในระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์(จากการสำรวจภาคสนาม)
4.      จัดเก็บข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินที่ได้จากการสำรวจข้อมูลภาคสนามทั้งหมด รวมทั้งเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่คัดลอกมาแต่ละแปลงที่ดินมาไว้ด้วยกัน โดยเรียงตามเลขประจำแปลงที่ดิน (Lot) ในแต่ละเขตย่อย (Block)
5.      บันทึกข้อมูลทั้งหมดในฐานข้อมูลระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ จัดทำแบบพิมพ์ (Print Template) แผนที่ภาษี(ผ.ท.7) เมื่อต้องการพิมพ์แผนที่ภาษีในรูปแบบข้อมูลเชิงตัวเลข(Digital Map) ให้มีรูปแบบตามที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยแผนที่ภาษีและทะเบียน ทรัพย์สินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2550 กำหนด

รายละเอียดเพิ่มเติม


วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

ปรับปรุงแก้ไขระบบงานแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินระบบเดิมเป็นระบบ LTax3000



  
การปรับปรุงข้อมูลเพื่อนำมาใช้ใน LTax3000 เป็นการปรับปรุงข้อมูลฐานถาษีเดิมจากโปรแกรมเดิมของถ้าท้องถิ่นที่มีการ ดำเนินการว่าจ้างทำแผนที่ภาษีฯไปแล้ว แต่โปรแกรมแผนที่ภาษีฯ ไม่ใช่ LTax3000 หรือโปรแกรมเดิมใช้ไม่ได้


รายละเอียดเพิ่มเติม


วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556

วิธีการจัดทำข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินที่ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด

ที่มา:http://userspatax.fix.gs/index.php?topic=160.msg722;topicseen#msg722
       
เริ่ม จากข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินที่ชำระภาษีแล้ว โดยการจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลให้ถูกต้อง ครบถ้วน ทั้งเอกสารและรายละเอียดที่จำเป็น ในกรณีภาษีบำรุงท้องที่ให้จัดทำแบบยื่นแสดงรายการที่ดิน(ภ.บ.ท.5) พร้อมจัดเก็บเอกสารให้ครบถ้วนคือ จะต้องมีสำเนาเอกสารสิทธิที่ดิน(ระบุการใช้ประโยชน์ที่ดินแปลงนั้น) สำเนาบัตรประจำตัวหรือสำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของที่ดิน ประกอบการยื่นแบบฯ เพิ่มให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ จากนั้นนำข้อมูลที่ได้บันทึกลงในระบบคอมพิวเตอร์ครับ

กรณีภาษีบำรุงท้องที่ จะพบว่ารายละเอียดที่ต้องการทราบไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสาร สิทธิ์ ที่ตั้ง ขนาดแปลงที่ดิน และเจ้าของแปลงที่ดินนั้นๆ จะปรากฎอยู่ในเอกสารสิทธิ์แล้ว จะมีเฉพาะการใช้ประโยชน์บนที่ดินแปลงนั้นๆ เท่านั้นที่จะต้องสำรวจเพิ่มเติมจากเจ้าของแปลงที่ดินหรือสำรวจภาคสนาม ดังนั้นถ้าเราสามารถจัดเก็บข้อมูลจากเจ้าของที่ดินได้มากเท่าใดก็จะทำให้เรา สามารถจัดทำข้อมูลภาษีบำรุงท้องที่ได้สมบูรณ์ครบถ้วนมากเท่านั้น ซึ่งเป็นการประหยัดงบประมาณในการจัดทำได้อีกทางหนึ่ง

ข้อพึงระวังกรณีจัดทำแผนที่แม่บท

ที่มา :http://userspatax.fix.gs/index.php?topic=268.msg613;topicseen#msg613

ในขั้นตอนของการจัดทำแผนที่แม่บทนั้น โดยทั่วไปจะมีขั้นตอนในการดำเนินการดังนี้
1. ถ่ายภาพระวางที่ดินจากสำนักงานที่ดิน(ขนาดจริง A1) ถ่ายเป็นกระดาษขาว
2. นำภาพถ่ายระวางมากวาดภาพ(scan) ที่รายละเอียด 200-300 จุดต่อนิ้ว
จาก กรณีที่กรมฯจัดอบรมให้นำภาพดังกล่าวเข้าสู่โปรแกรม LTaxGIS แล้วกำหนดค่าพิกัดของมุมทั้งสี่ เพื่อกำหนดตำแหน่งภาพบนระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ แล้วดำเนินการสร้างข้อมูลแปลงที่ดินนั้นมีข้อพึงระวังดังนี้

ขั้น ตอนดังกล่าวจะเกิดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลทั้งในขั้นตอนการถ่ายภาพระวางและ ขั้นตอนของการกวาดภาพ ซึ่งจะส่งผลทำให้บริเวณต่างๆ ภาพในภาพที่ได้มีระยะและตำแหน่งที่ผิดไปจากความเป็นจริงครับ สาเหตุจากต้นฉบับที่ผิดรูป บิดเบี้ยว การสอดระวางเข้าเครื่องอาจเอียงไม่ตรง ความต่อเนื่องของการดึงต้นฉบับของเครื่องถ่าย/เครื่องสแกนซึ่งจะส่งผลต่อภาพ ที่ได้

แนวทางการแก้ไขหรือลดความคลาดเคลื่อนดังกล่าว สามารถทำได้โดยการนำภาพที่ได้จากการกวาดภาพไปผ่านขั้นตอนการปรับแก้ความถูก ต้องทางเรขาคณิต(Geo-matric correction)และพิกัดภูมิศาสตร์(Geo-referance)

ระวางแผนที่ L7017 L7018 และ WGS 84 มันต่างกันยังไง

ที่มา :http://thaitopo.editboard.com/t676-topic

  • แผนที่ มาตราส่วน 1:50,000 ชุด L7017 อ้างอิงพื้นหลักฐาน Indian-1975 ครับ (ในชื่อ Indian Thailand-1975) และปัจจุบันเลิกผลิตไปแล้ว แต่ก็มีบางหน่วยงาน ยังใช้แผนที่ชุดนี้อยู่....ความคลาดเคลื่อนค่อนข้างเยอะ ทั้ง 3 แกน 
  • แผนที่ มาตราส่วน 1:50,000 ชุด L7018 อ้างอิงพื้นหลักฐาน WGS-84 (World Geodetic System 1984) ครับ เป็นชุดแผนที่ๆ กำลังใช้กันอยู่ในประเทศไทยปัจจุบัน และการสำรวจจัดทำแผนที่ชุดนี้ ใช้ GPS ในการรังวัดจุดควบคุม ทางราบ-ทางดิ่ง ทั่วประเทศ...ความแม่นยำ จะดีกว่า แผนที่ชุด L7017 
  • WGS-84 คือระบบกริดรูปแบบหนึ่ง ของระบบพิกัดกริด UTM (Universal Traverse Mercator) มีหน่วยที่ใช้บอกระยะทางเป็น เมตร

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

ความรู้เกี่ยวกับเอกสารสิทธิที่ดิน


เอกสารสิทธิ์เกี่ยวกับที่ดินมีอยู่หลาย ประเภท ในที่นี้จะขอกล่าวแต่เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันที่เราอาจพบเจอได้ เท่านั้นครับ ซึ่งก็มีดังนี้ครับ
  • ส.ค. 1 คือ ใบแจ้งการครอบครองที่ดิน ซึ่งเป็นเพียงหลักฐานการแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่า คุณกำลังครอบครองที่ดินแปลงใดอยู่ ไม่ใช่หนังสือแสดงกรรมสิทธิที่ดินแต่อย่างใด และไม่สามารถจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิได้ แต่ใช้แสดงเจตนาว่าจะสละการครอบครองให้แก่ผู้รับโอนได้เท่านั้น ทั้งนี้ ส.ค.1 สามารถใช้เป็นหลักฐานในการขอออกโฉนดที่ดิน น.ส.3 หรือ น.ส.3ก. ได้ ก็ ต่อเมื่อทางราชการมีการประกาศโครงการออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ หรือเมื่อมีการยื่นขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เฉพาะราย
  • น.ส. 2 คือ หนังสือแสดงความยินยอมให้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินเป็นการชั่วคราวจากทางราชการ ซึ่ง ผู้มีใบจับจองจะต้องจัดการทำประโยชน์ในที่ดินให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 75 ของที่ดินที่จัดให้ภายในสามปี โดยสิทธิดังกล่าวไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นได้ ซึ่งเมื่อทำประโยชน์ตามเงื่อนไขข้างต้นครบกำหนดเวลาแล้ว จึงมีสิทธินำมาขอออกโฉนดที่ดิน น.ส.3 หรือ น.ส.3ก. ได้
  • น.ส.3 คือ หนังสือคำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าได้ทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว โดยได้มีการรังวัดและจัดทำแผนที่ของที่ดินแล้ว
  • น.ส.3ก. คือ หนังสือคำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า ได้ทำประโยชน์ในที่ดินนั้นแล้ว แต่ต่างจาก น.ส.3 ตรงที่ มีการรังวัดและจัดทำแผนที่ของที่ดินนั้นจากภาพระวางรูปถ่ายทางอากาศเรียบร้อยแล้ว
  • โฉนดที่ดิน คือ หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยมีความหมายรวมถึงโฉนดแผนที่ โฉนดตราจอง และตราจองที่มีการประทับตราว่า "ได้ทำประโยชน์แล้ว" ซึ่งออกให้ตามกฎหมายเก่า แต่ก็ถือว่ามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ผู้เป็นเจ้าของโฉนดที่ดิน จะมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นอย่างสมบูรณ์ สามารถ ใช้สิทธิในที่ดินได้เต็มที่ มีสิทธิในการจัดจำหน่าย รวมถึงสิทธิในการปกป้องและขัดขวางไม่ให้บุคคลอื่นเข้ามาละเมิดสิทธิของตนใน ที่ดินนั้นด้วย
โกวิท ทาตะรัตน์

ใบแจ้งการครอบครอบที่ดิน (ส.ค. 1) คืออะไร?

    ใบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) คือใบแจ้งการครอบครองที่ดินเป็นหลักฐานว่าผู้ครอบครองเป็นผู้แจ้งว่า ตนครอบครองที่ดินแปลงใดอยู่ (แต่ปัจจุบันไม่มีการแจ้ง ส.ค.1 อีกแล้ว) ส.ค.1 ไม่ใช่หนังสือแสดงสิทธิที่ดิน เพราะไม่ใช่หลักฐานที่ทางราชการออกให้เพียงแต่เป็นการแจ้งการครอบครองที่ดิน ของราษฎรเท่านั้น ดังนั้น ตามกฎหมาย ที่ดินที่มี ส.ค.1 จึงทำการโอนกันได้ เพียงแต่แสดงเจตนาสละการครอบครองและไม่ยึดถือพร้อมส่งมอบให้ผู้รับโอนไปเท่า นั้น ก็ถือว่าเป็นการโอนกันโดยชอบแล้ว ผู้มี ส.ค.1 มีสิทธินำมาขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 น.ส.3 ก. หรือ น.ส.3 ข) ได้ 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 นำมาเป็นหลักฐานในการขอออกโฉนดที่ดินตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินทั่ว ประเทศ กรณีนี้ ทางราชการจะเป็นผู้ออกให้เป็นท้องที่ไป โดยจะมีการประกาศให้ทราบก่อนล่วงหน้า
กรณีที่ 2 นำมาเป็น หลักฐานในการขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3, น.ส.3 ก.หรือ น.ส.๓ ข) เฉพาะราย คือ กรณีที่เจ้าของที่ดินมีความประสงค์ จะขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ก็ให้ไปยืนคำขอ ณ สำนักงานที่ดินที่ที่ดินตั้งอยู่เฉพาะการออกโฉนดที่ดินนี้ จะออกได้ในพื้นที่ที่ได้สร้างระวางแผนที่สำหรับออกโฉนดที่ดินไว้แล้วเท่า นั้น

บริเวณที่ดินที่จะทำการออกโฉนดที่ดินได้นั้น บริเวณดังกล่าวต้องมีการสร้างระวางแผนที่เพื่อการออกโฉนดที่ดินไว้แล้ว ตามระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2532) ข้อ 4 ซึ่งการขอสร้างระวางแผนที่เพื่อการออกโฉนดที่ดิน สำนักงานที่ดินแห่งท้องที่จะเป็นผู้ขอสร้างระวางแผนที่ได้ แต่หากบริเวณใดที่ยังไม่มีระวางแผนที่ หรืออยู่ระหว่างการขอสร้างระวางแผนที่ แต่หากผู้ถือ ส.ค.1 ไม่ประสงค์จะรอการขอสร้างระวางดังกล่าว ก็สามารถยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามหลักฐาน ส.ค.1 ดังกล่าวและนำมาขอออกโฉนดที่ดินในภายหลังเมื่อมีระวางแผนที่พร้อมแล้วได้ ส่วนการจะออกเป็น น.ส.3 ก. (ครุฑเขียว)หรือ น.ส. 3 (ครุฑดำ) นั้นขึ้นอยู่กับบริเวณนั้นมีระวางรูปถ่ายทางอากาศหรือไม่ หากมีก็สามารถออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยใช้ระวางรูปถ่ายทางอากาศ (น.ส.3 ก.) (ครุฑเขียว) ให้กับผู้ถือส.ค.1 ได้ แต่หากไม่มีต้องออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) (ครุฑดำ) ให้ จึงขอให้ผู้ถือส.ค. 1 ติดต่อสำนักงานที่ดินที่ที่ดินตั้งอยู่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ที่ดินของท่านอยู่ในหลักเกณฑ์ที่สามารถออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่อย่างไร [กฎกระทรวงฉบับที่ 43 (พ.ศ.2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497]

กรมที่ดิน ประกาศยกเลิก ส.ค. 1 ให้เวลา 2 ปี
โดยที่มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 ได้กำหนดให้ผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ โดยมีหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1)และยังมิได้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ นำหลักฐาน ส.ค.1 มายื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้ บังคับ (6 กุมภาพันธ์ 2553) และเมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวหากมีผู้นำหลักฐาน ส.ค.1 มาขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ พนักงานเจ้าหน้าที่จะออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ได้ต่อ เมื่อศาลยุติธรรมได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ถึงที่สุดว่าผู้นั้นเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินโดยชอบด้วย กฎหมายอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ในการพิจารณาคดีของศาล ให้ศาลแจ้งให้กรมที่ดินทราบ และให้กรมที่ดินตรวจสอบกับระวางรูปแผนที่รูปถ่ายทางอากาศหรือระวางรูปถ่าย ทางอากาศฉบับที่ทำขึ้นก่อนสุดเท่าที่ทางราชการมีอยู่ พร้อมทั้งทำความเห็นเสนอต่อศาลว่า ผู้นั้นได้ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินนั้นโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนวันที่ ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับหรือไม่ เพื่อประกอบการพิจารณาของศาล ความเห็นดังกล่าว ให้เสนอต่อศาลภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งจากศาล เว้นแต่ศาลจะขยายระยะเวลาเป็นอย่างอื่น

คำถาม-คำตอบที่ควรรู้
ถาม ส.ค. 1 หาย ติดต่อสำนักงานที่ดิน น้ำปาด บอกว่าให้ติดต่อ ที่ดินฟากท่า เมื่อติดต่อไปที่ดินฟากท่า บอกว่าเอกสารถูกไฟไหม้ไปเมื่อปี 2535 หมดแล้ว ทางกรมที่ดินจะให้ไปติดต่อที่ใด เพื่อออกหลักฐานแทน ส.ค 1. ที่หายไป ต้องการใช้ด่วน
ตอบ ส.ค. 1 สูญหาย จะต้องไปยื่นคำขอตรวจสอบทะเบียนการครอบครอง ณ สำนักงานที่ดินที่ที่ดินตามหลักฐาน ส.ค.1 ดังกล่าวตั้งอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับคำขอแล้ว จะดำเนินการตรวจสอบและสอบสวนเพื่อจัดทำ ส.ค.1 ขึ้นใหม่ทั้งสองตอน แต่ทั้งนี้จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงตามที่กรมที่ดินได้วางแนวทางไว้ให้เจ้า หน้าที่ปฏิบัติตามหนังสือของกรมที่ดิน ที่ มท 0610/ว 2608 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2509 สรุปได้ว่าการจัดทำ ส.ค.1 ขึ้นใหม่ทั้งสองตอนนั้น ต้องเป็นกรณีที่ปรากฏหลักฐานในทะเบียนการครอบครองที่ดินว่า ได้มีการรับแจ้งการครอบครองไว้และส.ค.1 ตอนที่ 2 (ฉบับเจ้าของที่ดิน) ก็สูญหายไปด้วยเช่นกันโดยให้สอบสวน ส.ค.1 ฉบับอำเภอว่าสูญหายไปได้อย่างไรก่อน และสอบสวนเจ้าของที่ดินเป็นข้อมูลในการจัดทำ แล้วดำเนินการจัดทำ ส.ค.1 ขึ้นใหม่ทั้ง 2 ตอน โดยอาศัยหลักฐานในทะเบียนการครอบครองที่ดินแล้วมอบ ส.ค.1 ตอนที่ 2 ให้เจ้าของที่ดินรับไปเป็นหลักฐานต่อไป หากทะเบียนการครอบครองที่ดินเล่มของสำนักงานที่ดินชำรุดสูญหาย สำนักงานที่ดินก็สามารถขอตรวจสอบมาทางกรมที่ดิน โดยระบุเลขที่ ส.ค.1 หมู่ที่ ตำบล อำเภอ จังหวัดและชื่อผู้แจ้งการครอบครองที่ดินให้ชัดเจน กรมที่ดินก็จะตรวจสอบกับเล่มทะเบียนการครอบครองที่ดินทางส่วนกลางและแจ้งให้ สำนักงานที่ดินทราบต่อไป กรณี ส.ค.1 สูญหายนี้ เจ้าหน้าที่จะพิจารณาจัดทำขึ้นใหม่ตามมาตรา 64 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไม่ได้เพราะแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน ส.ค.1 เป็นเพียงหลักฐานที่แสดงว่า ผู้แจ้งเป็นผู้ครอบครองที่ดินอยู่ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินเท่านั้นและประมวล กฎหมายที่ดินก็ไม่ได้บัญญัติให้ดำเนินการได้เช่นเดียวกับกรณีโฉนดที่ดิน ใบไต่สวน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือใบจองฉบับสำนักงานที่ดินเป็นอันตรายชำรุดหรือสูญหาย
ถาม การซื้อขายที่ ส.ค.1 จะต้องไปจดทะเบียนที่ที่ดินหรือไม่ ถ้าไม่ไป สัญญาดังกล่าวจะเป็นโมฆะและเรียกเงินคืนได้หรือไม่?
ตอบ ส.ค.1 เป็นหนังสือซึ่งผู้ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวล กฎหมายที่ดินใช้บังคับโดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน แจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่ตามนัยมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ส.ค.1 จึงไม่ใช่หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เป็นเพียงหนังสือที่พนักงานเจ้าหน้าที่ลงรับไว้เป็นหลักฐานว่าได้รับแจ้งการ ครอบครองเท่านั้น การซื้อขายที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ ส.ค. 1 ทำได้โดยการส่งมอบการครอบครองที่ดิน มิได้มีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ณ สำนักงานที่ดินให้ปรากฏ ที่ดินประเภทนี้จึงเป็นที่ดินมือเปล่าและการแจ้งการครอบครองที่ดินนี้ก็มิ ได้ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่แก่ผู้แจ้ง ( มาตรา 5 วรรคท้าย แห่ง พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ) ดังนั้น ตามกฎหมายที่ดินที่มี ส.ค.1 จึงทำการโอนกันได้ด้วยการส่งมอบการครอบครอง
ถาม มีที่ดิน ส.ค. 1 โดยพ่อซื้อต่อจากญาติและยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อใน ใบ ส.ค.1 และได้ทำกินมาตลอด (ปลูกยางพาราและบ้านอาศัย) ต่อมาพ่อเสียชีวิตและญาติที่มีชื่อใน ส.ค.1 ก็เสียชีวิตไปนานแล้ว ลูกๆได้ทำกินในที่นั้น ตลอดไม่ได้ทิ้งช่วง อยากจะขอออกเป็นโฉนด ลูกๆจะต้องเดินเรื่องอย่างไร เพราะใบ ส.ค.1 ไม่ใช่ชื่อพ่อ?
ตอบ ผู้ที่ครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่องจากผู้แจ้ง ส.ค. 1 สามารถนำ ส.ค. 1 ดังกล่าว ไปยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินได้
ถาม ครอบครองที่ดินแปลงหนึ่ง มีสำเนา ส.ค.1 อยู่ แต่ไม่ใช่ชื่อของผม เป็นของญาติ ปัจจุบันมีชีวิตอยู่ ถ้าต้องการ ส.ค.1ใหม่ต้องทำอย่างไรบ้าง และถ้าออก ส.ค.1ใหม่ได้จะเป็นชื่อใคร ถ้าเป็นชื่อของญาติ เราจะนำไปออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่ ถ้ามีสัญญาซื้อขายไปยืนยันด้วย
ตอบ ส.ค.1 คือ แบบแจ้งการครอบครองที่ดินสำหรับการนำหลักฐาน ส.ค.1 ไปขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ นั้น ผู้ที่ครอบครองและทำประโยชน์ต่อเนื่องมาจากผู้มีชื่อใน ส.ค. 1 ย่อมขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำ ประโยชน์ โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค.1 และสัญญาซื้อขายในนามตนเองได้ โดยสามารถดำเนินการได้ 2 วิธี
1.        โดยการดำเนินสำรวจออกโฉนดตามมาตรา 58 และ 58 วรรค (1) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
2.     ขอออกโฉนดที่ดินเป็นการเฉพาะตามมาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายทีดิน โดยยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดนั้น
ถาม มีใบ ส.ค.1 แต่ยังไม่ได้ทำโฉนด คือจะถามว่า ยังไงที่ดินก็ยังเป็นของเราใช่ไมครับ กลัวว่าที่ข้างเคียงจะมั่วเอาที่ของผมไปด้วยครับ?
ตอบ กรณีนี้ที่ดินที่มีหลักฐาน ส.ค. 1 ขอแนะนำให้ไปยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553 เนื่องจากพ้นกำหนดดังกล่าว ผู้ที่ไปยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. 1 จะต้องนำคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดว่าเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำ ประโยชน์ในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้ บังคับไปแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย
ถาม จะซื้อที่ดินเปล่าแต่ไม่มีโฉนดที่ดิน ในหมู่บ้านหนองสมอ ต.หนองระเวียง อ.เมือง นครราชสีมา มีแต่ใบ ส.ค. 1 ,ใบเสียภาษีที่ดิน อยากทราบว่าจะสามารถซื้อมาเป็นกรรมสิทธิ์ของเราได้หรือเปล่า และถ้าซื้อมาสามารถ ขอออกโฉนดที่ดินได้หรือเปล่า จะมีปัญหายุ่งยากหรือเปล่า?
ตอบ ส.ค.1 เป็นหนังสือซึ่งผู้ที่ได้ผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับโดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน แจ้งการครอบครองที่ดิน ต่อนายอำเภอท้องที่ตามนัยมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ส.ค.1 จึงไม่ใช่หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเป็นเพียงหนังสือที่พนักงานเจ้าหน้าที่ลง รับไว้เป็นหลักฐานว่าได้รับแจ้งการครอบครองเท่านั้น ที่ดินมี ส.ค.1 จึงเป็นที่ดินมือเปล่าและการแจ้งการครอบครองที่ดินมิได้ก่อให้เกิดสิทธิขึ้น ใหม่แก่ผู้แจ้งแต่อย่างใด กล่าวคือ ถ้าผู้แจ้งการครอบครองมิใช่ผู้มีสิทธิในที่ดิน การแจ้งการครอบครองก็มิได้ทำให้ผู้แจ้งมีสิทธิขึ้นมาแต่อย่างใด สำหรับการออกโฉนดที่ดินจากหลักฐาน ส.ค.1 นั้น สามารถดำเนินการได้ตามมาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินโดยยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่ สำหรับที่ดินที่สามารถออกโฉนดที่ดินได้จะต้องเป็นที่ดินที่มีผู้มิสิทธิใน ที่ดินได้ครอบครองทำประโยชน์แล้ว และเป็นที่ดินที่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ตามกฎหมาย ยกเว้น
1.        ที่ดินที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่นทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ ที่ชายตลิ่ง
2.     ที่เขา ที่ภูเขา และพื้นที่ที่รัฐมนตรีประกาศหวงห้ามตามมาตรา 9(2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแต่ไม่รวมถึงที่ดินซึ่งผู้ครอบครองมีสิทธิครอบครอง โดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายที่ดิน
3.     ที่เกาะ แต่ไม่รวมถึงที่ดินของ(ซึ่งมีหลักฐานแจ้งการครอบครองที่ดิน มีใบจอง ใบเหยียบย่ำ หนังสือรับรองการทำประโยชน์โฉนดตราจอง ตราจองที่ได้ตราว่า "ได้ทำประโยชน์แล้ว" หรือเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินเพื่อการครองชีพหรือ ที่ดินที่คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติได้อนุมัติให้จัดแก่ประชาชนหรือที่ดิน ซึ่งได้มีการจัดหาผลประโยชน์ตามมาตรา 10และมาตรา 11 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติได้อนุมัติแล้ว
4.     ที่สงวนหวงห้ามตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 20(3) และ (4) แห่งประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2526 หรือกฎหมายอื่น
5.        ที่ดินที่คณะรัฐมนตรีสงวนไว้เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น

ดังนั้น หากจะซื้อที่ดินแล้วปรากฏว่า ที่ดินมี ส.ค.1 ควรให้ผู้ขายนำ ส.ค.1 ไปยื่นคำขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเสียก่อนเพื่อจะได้ตรวจสอบและพิสูจน์ ที่ดินเสียก่อน

คำพิพากษาฎีกาที่ควรรู้
คำพิพากษาฎีกาที่ 1518/2503 การแจ้งการครอบครองที่ดินตามแบบ ส.ค.1 นั้น ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้แจ้งแต่ประการใด เว้นแต่ผู้แจ้งจะได้สิทธิครอบครองอยู่แล้ว โดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาฎีกาที่ 1076-1079/2510 ผู้ที่ไม่มีสิทธิใน ที่ดิน แม้จะได้ไปแจ้งการครอบครอง ได้รับ ส.ค.1 และได้รับ น.ส.3 ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น รับซื้อที่ดิน น.ส.3 ไว้โดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อปรากฏว่าผู้มีชื่อใน น.ส.3 ไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น ผู้ซื้อก็ไม่มีสิทธิแต่อย่างใด
คำพิพากษาฎีกาที่ 472/2513 ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่า ส.ค.1 นั้นเป็นหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือถือว่าเหมือนโฉนด การแจ้งเป็นเพียงการแสดงเจตนาอย่างหนึ่งว่า ผู้แจ้งยังไม่สละสิทธิครอบครองที่ดินที่แจ้งนั้น การแจ้งก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่หรือกรรมสิทธิ์นอกเหนือไปจากสิทธิที่ ครอบครองมีอยู่แต่เดิม

ที่มา:  กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย

ภ.บ.ท. 5 คืออะไร?

ภ.บ.ท.5 เป็นแบบแสดงรายการที่ดินที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่จะต้องไปยื่น แบบดังกล่าวเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ประจำปีต่อเจ้าพนักงานประเมิน ณ สำนักงานอันเป็นที่ตั้งขององค์กรปกครองท้องถิ่นที่ที่ที่ดินตั้งอยู่ เช่น สำนักงานเขตในกรุงเทพมหานคร สำนักงานเทศบาล ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล ทั้งนี้ เป็นไปตามพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ.2508
ภ.บ.ท. 5 จึงมิใช่เอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกตามประมวลกฎหมายที่ดิน การซื้อขายจึงทำได้เพียงการส่งมอบการครอบครองที่ดินให้แก่กันเท่านั้น ไม่สามารถไปจดทะเบียน สิทธิและนิติกรรม ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ได้ บุคคลที่มีชื่อใน ภ.บ.ท. 5 อาจจะไม่ใช่เจ้าของที่ดิน และที่ดินอาจจะเป็นที่หวงห้ามที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิตาม ประมวลกฎหมายที่ดินก็อาจเป็นได้ การซื้อขายที่ดินที่มีเพียง ภ.บ.ท. 5 จึงเป็นการเสี่ยงภัยของผู้ซื้อเอง หากประสงค์จะซื้อที่ดินที่มีหลักฐาน ภ.บ.ท. 5 ควรให้ผู้ขายยื่นคำขอออกหนังสือ แสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อพิสูจน์สิทธิก่อนว่าสามารถออก เอกสารสิทธิได้หรือไม่ หากสามารถออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินได้และขอออกเอกสารสิทธิ ในที่ดินตามหลักฐาน ภ.บ.ท. 5 เนื้อที่ที่คำนวณได้จากการรังวัดออกเอกสารสิทธิย่อมไม่ตรงกับเนื้อที่ที่ ระบุไว้ในหลักฐาน ภ.บ.ท. 5 ได้เพราะถือว่าเป็นที่ดินที่ไม่มีหลักฐานสำหรับที่ดิน ไม่เคยมีการรังวัดคำนวณเนื้อที่โดยกรมที่ดินมาก่อนแต่อย่างใด อีกทั้งการรังวัดออกเอกสารสิทธิที่ดินจะใช้วิธีการรังวัดทำแผนที่และคำนวณ เนื้อที่โดยใช้หลักวิชาการทางแผนที่ซึ่งจะมี มาตรฐานความละเอียดถูกต้อง การแจ้งเนื้อที่ตามหลักฐาน ภ.บ.ท.5 จึงเป็นการแจ้งของผู้ทำประโยชน์ในที่ดินโดยประมาณเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ ประจำปีเท่านั้น
 
คำถาม-คำตอบที่ควรรู้
ถาม        1.อยากทราบว่า ภ.ท.บ. 5 นี้สามารถเปลี่ยนเป็น ส.ค.1 หรือ น.ส.3 ได้หรือไม่
               2. เปลี่ยนได้หรือไม่ได้เพราะอะไร ถ้าเปลี่ยนได้ควรทำอย่างไร?
ตอบ ภ.บ.ท. 5 เป็นแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่ ดังนั้น ที่ดินบริเวณดังกล่าวจึงเป็นที่ดินมือเปล่า ไม่มีเอกสารสิทธิใด ๆ และ จะสามารถออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่สงวนหวงห้ามมิให้ออก เอกสารสิทธิหรือไม่ อย่างไร?
ถาม อยากทราบเรื่องการทำสัญญาซื้อขายที่ดิน น.ส.3 กับซื้อที่ดินที่มีใบ ภ.บ.ท.5 การทำสัญญาซื้อขายต้องทำ 2 ฉบับ หรือรวมกันได้ แล้วมีแบบฟอร์มในการซื้อขาย ดังกล่าวหรือไม่?
ตอบ สัญญาซื้อขายที่ดิน เป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ดังนั้น คุณต้องทำความตกลงกันเอง อย่างไรก็ตาม น.ส. 3 เป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน แต่ ภ.บ.ท. 5 มิใช่เอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน การซื้อขายจึงทำได้เพียงการส่งมอบการครอบครองที่ดินให้แก่กันเท่านั้น ไม่สามารถไปจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ได้
ถาม ซื้อที่ดินเพื่อปลูกยางพารา แต่ที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์อะไรเลย มีเพียงใบเสียภาษีดอกหญ้า แต่มีการทำสัญญาซื้อขายที่บ้านกำนันมีพยานหลายคน ที่แปลงนี้ขายต่อมาหลายทอดแล้ว จึงกังวลว่าภายในอนาคตมีจะมีปัญหาตามมา และสามารถฟ้องศาลได้หรือไม่ และเวลาที่ขายก็ไม่ได้มีการวัด เพียงแต่ตกลงกันด้วยวาจาเท่านั้น
ตอบ ที่ดินมีเพียงใบเสียภาษียอนหลัง เป็นเพียงแบบชำระภาษีบำรุงท้องที่ไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ดินอาจเป็นที่หวงห้าม ที่สาธารณะประโยชน์หรือที่ปีหรือเป็นที่ ที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิ์ได้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน การซื้อขายที่ดินที่มีเพียงแบบเสียภาษีบำรุงท้องที่จึงเป็นการเสียงของผู้ ซื้อเองควรให้เจ้าของขอออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินก่อน
ถาม ภ.บ.ท. คืออะไร แล้วสามารถซื้อที่ดินที่มีใบ ภ.บ.ท.5 ได้หรือไม่?
ตอบ ภ.บ.ท.5 เป็นเพียงแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีท้องที่ไม่ใช่เอกสารสิทธิตามประมวล กฎหมายที่ดิน บุคคลที่มีชื่อใน ภ.บ.ท.5 อาจจะไม่ใช่เจ้าของที่ดินและที่ดินอาจจะเป็นที่หวงห้าม ที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินก็อาจเป็น ได้ การซื้อขายที่ดินที่มีเพียง ภ.บ.ท.5 จึงเป็นการเสี่ยงภัยของผู้ซื้อ หากท่านจะซื้อที่ดินที่มีหลักฐาน ภ.บ.ท.5 ให้ยื่นคำขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อพิสูจน์ สิทธิก่อนว่าสามารถออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่ หากท่านต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการนำ ภ.บ.ท.5 ไปออกโฉนดที่ดิน ขอให้สอบถามที่สำนักงานที่ดินทุกแห่ง
ถาม ใบ ภ.บ.ท. 5 นำมาขอออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่?
ตอบ ภ.บ.ท. 5 สามารถใช้เป็นเอกสารประกอบในการขอออกโฉนดที่ดินได้ หากที่ดินดังกล่าวมิได้เป็นที่สงวนหวงห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน ภ.บ.ท.5 เป็นเพียงแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีท้องที่ไม่ใช่เอกสารสิทธิตามประมวล กฎหมายที่ดิน บุคคลที่มีชื่อใน ภ.บ.ท.5 อาจจะไม่ใช่เจ้าของที่ดินและที่ดินอาจจะเป็นที่หวงห้าม ที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินก็อาจเป็น ได้ การซื้อขายที่ดินที่มีเพียง ภ.บ.ท.5 จึงเป็นการเสี่ยงภัยของผู้ซื้อ หากท่านจะซื้อที่ดินที่มีหลักฐาน ภ.บ.ท.5 ให้ยื่นคำขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อพิสูจน์ สิทธิก่อนว่าสามารถออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่ หากท่านต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการนำ ภ.บ.ท.5 ไปออกโฉนดที่ดิน ขอให้สอบถามที่สำนักงานที่ดินทุกแห่ง

ภ.บ.ท. คืออะไร แล้วสามารถซื้อที่ดินที่มีใบ ภ.บ.ท.5 ได้หรือไม่?
ภ.บ.ท.5 เป็นเพียงแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีท้องที่ไม่ใช่เอกสารสิทธิตามประมวล กฎหมายที่ดิน บุคคลที่มีชื่อใน ภ.บ.ท.5 อาจจะไม่ใช่เจ้าของที่ดินและที่ดินอาจจะเป็นที่หวงห้าม ที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินก็อาจเป็น ได้ การซื้อขายที่ดินที่มีเพียง ภ.บ.ท.5 จึงเป็นการเสี่ยงภัยของผู้ซื้อ หากท่านจะซื้อที่ดินที่มีหลักฐาน ภ.บ.ท.5 ให้ยื่นคำขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อพิสูจน์ สิทธิก่อนว่าสามารถออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่ หากท่านต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการนำ ภ.บ.ท.5 ไปออกโฉนดที่ดิน ขอให้สอบถามที่สำนักงานที่ดินทุกแห่ง

ที่มา:  กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย

ใบระวาง เลขที่ดิน หน้าสำรวจ คืออะไร?

 ที่มา:  กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย
  • ใบระวาง คือเอกสารหลักฐานทางแผนที่บรรจุรูปแผนที่โฉนดที่ดินเพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้ง ของที่ดินแต่ละแปลงอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง 50 เซนติเมตร ยาว 50 เซนติเมตร รูปแผนที่จะมีขนาดใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับมาตราส่วนที่ใช้กับระวางนั้นๆ เช่น มาตราส่วน 1: 4000 รูปแผนที่จะมีขนาดเล็กกว่า 1: 2000 หรือ 1: 1000 เป็นต้น ระวางบางประเภทจะใช้กับรูปแผนที่ น.ส.3ก. วัตถุประสงค์ก็เพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้งของที่ดิน เช่นกัน ประโยชน์ของระวางใช้เพื่อควบคุมแผนที่รูปแปลงที่ดินที่มีกรรมสิทะ (โฉนดที่ดิน) หรือหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินชนิด น.ส.3ก. ขึ้นอยู่กับประเภทของระวางที่จัดสร้างขึ้นคือหนังสือที่ทางราชการออกให้ เพื่อเป็นการแสดงความยินยอมให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเป็นการชั่วคราว ซึ่งรัฐออกให้แก่บุคคลผู้ประสงค์จะได้ที่ดิน ของรัฐเป็นของตน โดยบุคคลผู้นั้นได้เสนอความต้องการของตนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควรก็จะอนุญาตให้เข้าครอบครองที่ดิน และออกใบจองให้ไว้เป็นหลักฐาน
  • เลขที่ดิน หมายถึง เครื่องหมายแสดงตำแหน่งของที่ดินที่บรรจุอยู่ในระวางเดียวกัน
  • หน้าสำรวจ หมายถึง เครื่องหมายแสดงแปลงที่ดิน ที่ทางราชการได้ทำการสอบสวนตามลำดับก่อนและหลังเพื่อการออกโฉนดที่ดิน

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

การนำ text จาก cad แปลงไปเป็น shape ไฟล์

ที่มา http://thaitopo.editboard.com/t31-topic

ใช้โปรแกรม AutoCAD Map ที่ชุดคำสั่ง Map>Tools>Export



























ที่แท็บ Selection เลือก Text  





ที่แท็บ Data เลือก Select Attributes



ขยาย + Properties แล้วติ๊กเลือกที่ STRING (ถ้าต้องการค่า Geometry อื่นๆ ก็ติ๊กเลือกได้ โดยโปรแกรมจะสร้าง Field ใน Database ให้อัติโนมัติ)




เสร็จแล้ว คลิก Ok...ตัวโปรแกรม จะสร้าง .shp ไฟล์ ให้โดยมีตัวหนังสือ อยู่ใน Field ที่ชื่อ TEXTSTRING

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สามารถเก็บภาษีบำรุงท้องที่ล่วงหน้าได้หรือไม่? คือเก็บทั้ง 4 ปี

ที่มา:http://userspatax.fix.gs/index.php?topic=234.0 ไม่สามารถทำได้ครับ เพราะในอีก 3 ปีข้างหน้า เจ้าของที่ดินอาจมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่ดิน รวมถึงรายละเอียดการใช้ ประโยชน์ซึ่งจะส่งผลต่อค่าภาษีที่ประเมินได้ในปีนั้นๆ และตามกระบวนการจัดเก็บภาษีที่ถูกต้องนั้น เรายังไม่ได้มีการแจ้งประเมิน (ภ.บ.ท.10) จึงยังไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เมื่อคำนวณภาษีแล้ว ปัดเศษสตางค์อย่างไร

ที่มา:http://userspatax.fix.gs/index.php?topic=233.0 สำหรับการปัดเศษสตางค์นั้น มีการกำหนดไว้เฉพาะภาษีบำรุงท้องที่่ ซึ่งกำหนดไว้ในบัญชีอัตราภาษีบำรุงท้องที่ตามมาตรา 7 อยู่ตรงหมายเหตุ (2) เมื่อคำนวณภาษีแล้ว เศษของ 10 สตาง์ให้ปัดทิ้ง สำหรับภาษีโรงเรือนและที่ดินไม่มีการกำหนดไว้ ขึ้นอยู่กับแนวทางของแต่ละหน่วยงาน สำหรับภาษีป้ายนั้นไม่มีเศษสตางค์อยู่แล้ว

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

วิธีคำนวณค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินที่ถูกต้อง

ที่มา:http://userspatax.fix.gs/index.php?topic=253.0 ตามมาตรา 8 ของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 ให้ผู้รับประเมินชำระภาษีปีละครั้งตามค่ารายปีของทรัพย์สิน คือ โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นกับที่ดินซึ่งใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น นั้น ในอัตราร้อยละสิบสองครึ่งของค่ารายปี เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ “ค่ารายปี” หมายความว่า จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรให้เช่าได้ในปีหนึ่งๆ ในกรณีที่ทรัพย์สินนั้นให้เช่า ให้ถือว่าค่าเช่านั้นคือค่ารายปี แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีเหตุอันสมควรที่ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าค่าเช่านั้นมิใช่จำนวนเงินอันสมควรที่จะให้เช่าได้หรือเป็นกรณีที่หาค่าเช่าไม่ได้เนื่องจากเจ้าของทรัพย์สินดำเนินกิจการเองหรือด้วยเหตุประการอื่นให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจประเมินค่ารายปีได้ โดยคำนึงถึงลักษณะของทรัพย์สิน ขนาด พื้นที่ ทำเลที่ตั้ง และบริการสาธารณะที่ทรัพย์สินนั้นได้รับประโยชน์ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากมาตราดังกล่าวจะเห็นว่าถ้าทรัพย์สินดังกล่าวเจ้าของให้เช่าจะต้องคิดจากค่าเช่าเท่านั้น แต่กรณีที่ไม่สามารถหาค่าเช่าได้หรือเห็นว่าค่าเช่าที่ได้รับแจ้งนั้นมิใช่ค่าเช่าจริงก็ให้พิจารณาโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ซึ่งในที่นี้กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดแนวทางปฏิบัติไว้คือให้ อำนาจท้องถิ่นกำหนดเกณฑ์ราคาค่าเช่ามาตรฐานกลาง(บาท/ตารางเมตร/เดือน) ดูขั้นตอนการจัดทำเกณฑ์ค่าเช่ามาตรฐานกลางที่นี่ (คลิก) .... ซึ่งโดยสรุปสามารถกำหนดรูปแบบวิธีการคำนวณค่ารายปีได้ตามการใช้ประโยชน์โรงเรือนดังนี้ 1. การเช่าใช้ประโยชน์โรงเรือนทั้งอาคาร เช่น นายแดงให้เช่าบ้านในราคา 2,000.- บาทต่อเดือน ดังนั้นถ้านายแดงให้เช่าทั้งปีโดยไม่มีเดือนว่างค่ารายปีของบ้านหลังดังกล่าวที่นายแดงให้เช่าเท่ากับ 2,000 x 12 = 24,000.- บาท และค่าภาษีเท่ากับ 12.5% x 24,000.- = 3,000.- บาท 2. การเช่าใช้ประโยชน์โรงเรือนภายในอาคาร(รายเดือน) คำนวนภาษีเช่นเดียวกับกรณีที่ 1 แต่มีหลายห้อง ซึ่งคำนวณเป็นห้องๆ ไปครับ แต่กรณีนี้อาจมีการใช้ประโยชน์พื้นที่ส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่เป็นห้องเช่าต้องนำมาบวกเพิ่มกับส่วนห้องเช่า เช่นพื้นที่สำนักงาน พื้นที่จอดรถ ซึ่งจะคำนวณจากเกณฑ์ค่าเช่ามาตรฐานกลาง เช่น เราประกาศค่าเช่ามาตรฐานกลางกรณีพื้นที่สำนักงานไว้ 10 บาท/ตารางเมตร/เดือน และอาคารดังกล่าวมีพื้นที่สำนักงาน 24 ตารางเมตร ดังนั้นค่ารายปีเท่ากับ 24x10x12 = 2,880.- บาท นำไปรวมกับค่ารายปีห้องเช่าครับ 3. การเช่าใช้ประโยชน์โรงเรือนภายในอาคาร(รายวัน) มีการกำหนดแนวทางปฏิบัติไว้ดังนี้ ค่ารายปีกรณีการเช่าต่อวันให้คิดในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 8 ของค่าเช่าทั้งปี ดังนั้นถ้ามีห้องเช่า 300.- บาท/วัน จำนวน 8 ห้อง ค่ารายปีจะเท่ากับ 8x300x365x8% = 70,080.- บาท และนำไปรวมกับค่ารายปีพื้นที่อื่นๆครับ 4. กำหนดรายปีตามประเภททรัพย์สิน เช่น ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ครับ

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556

ทำไมต้องทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน

ที่มา : http://www.gisphuket.com/form.php?page=article&id=20 หลายท่านคงสงสัยว่าเราทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินไปทำไม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้ประโยชน์อะไร เนื่องจากหน่วยงานบางแห่งต้องลงทุนงบประมาณจำนวนมากเพื่อจัดทำ แต่สามารถจัดเก็บภาษีได้น้อยนิดเมื่อเทียบกับงบประมาณที่ลงทุนไป และจะทำอย่างไรจึงจะสามารถจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินให้สามารถใช้งานได้ และใช้งบประมาณน้อย แผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน เป็นระบบสารสนเทศเชิงพื้นที่ที่เรารู้จักกันในนาม "ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์" เนื่องจากประกอบด้วยข้อมูล 2 ประเภท คือ ข้อมูลเชิงบรรยาย(ทะเบียนทรัพย์สิน) และข้อมูลเชิงพื้นที่(แผนที่ภาษี) โดยที่ข้อมูลทั้งสองจะมีความสัมพันธ์กันทำให้สามารถสืบค้นข้อมูลไปมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นระบบสารสนเทศชนิดนี้จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานในด้านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำไปใช้ในการตรวจสอบข้อมูลทรัพย์สินที่อยู่ในข่ายชำระภาษี และยังมิได้ชำระ ซึ่งจะทำให้สามารถติดตามและจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของทรัพย์สินที่สนใจ ซึ่งจะมีผลต่ออัตราภาษีที่จะนำมาใช้ในการประเมินภาษี (ทำเลภาษี/หน่วยที่ดิน) เหล่านี้จึงเป็นเหตุผลที่ส่วนกลางพยายามผลักดันให้ท้องถิ่นจัดทำระบบดังกล่าว นอกจากนี้หน่วยงานที่จะดำเนินการจัดทำระบบดังกล่าวยังต้องพิจารณาถึงการนำระบบดังกล่าวมาใช้งานในการบริการรับชำระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช้เพียงแค่ทำให้มีระบบเท่านั้น ประโยชน์ที่ได้จากแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน แผนที่ภาษี 1. ทำให้ทราบขอบเขตการปกครองของหน่วยงานในระดับแปลงที่ดิน 2. ทำให้ทราบทรัพย์สินที่อยู่ภายในขอบเขตปกครองของหน่วยงาน 3. ทำให้ทราบตำแหน่งที่ตั้งของทรัพย์สินที่สนใจ (ทำเลภาษี-การประเมินภาษีที่ถูกต้อง) 4. ทำให้ทราบทรัพย์สินที่ยังมิได้ชำระภาษี 5. เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเพิ่มรายการทรัพย์สินที่ต้องชำระภาษี(เพิ่มรายใหม่ และเพิ่มยอดภาษี) ทะเบียนทรัพย์สิน 1. ทำให้ทราบรายละเอียดของทรัพย์สินที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันของผู้มีกรรมสิทธิ์แต่ละราย 2. ทะเบียนทรัพย์สิน เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบริการรับชำระภาษี

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

ระบบแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินคืออะไร

ที่มา:http://www.gisphuket.com/form.php?page=article&id=19 แผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน คือ เครื่องมือที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้เพิ่มประสิทธิภาพในรับชำระภาษีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีเป้าหมายที่ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินภายในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับภาษีที่จัดเก็บ และผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นๆ ที่มีหน้าที่ชำระภาษี โดยจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และครบถ้วน ทำให้สามารถ • จัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว (บริการรับชำระได้ อย่างรวดเร็ว) • จัดเก็บข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน จะทำให้สามารถประเมินภาษีได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรม • จัดเก็บข้อมูลที่ครบถ้วน จะทำให้สามารถติดตามทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ชำระภาษี (จัดเก็บได้เพิ่มขึ้น) จุดเริ่มต้นของแผนที่ภาษีคือ ปี พ.ศ.2520 เมื่อกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้เทศบาลทั่วประเทศจัดทำทะเบียนทรัพย์สินขึ้น เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือจัดเก็บรายได้ ติดตาม เร่งรัดภาษี แต่แนวทางปฏิบัติยังไม่มีการกำหนดแน่ชัด ต่อมาได้มีการกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินมาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพทางด้านการคลังในแผนแม่บทกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 3(พ.ศ.2525-2529) จึงได้มีการศึกษาและพัฒนาจนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วย 1. แผนที่ภาษี คือ ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่แสดงรูปร่างและตำแหน่งที่ตั้งของทรัพย์สิน รวมถึงข้อมูลทางกายภาพที่แสดงถึงตำแหน่งที่ตั้งของทรัพย์สินภายในเขตปกครอง โดยมีการจัดแบ่งพื้นที่ภายในเขตปกครองออกเป็นเขต (Zone) และเขตย่อย (Block) เพื่อให้สะดวกในการจัดเก็บเอกสารและค้นหา 2. ทะเบียนทรัพย์สิน คือ ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้มีกรรมสิทธิ์แต่ละราย โดยมีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ และเมื่อคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทในปัจจุบันมากขึ้น ทำให้เกิดการนำเอาระบบดังกล่าว มาจัดทำในรูปแบบข้อมูลเชิงเลข หรือ Digital Map ซึ่งนับว่าเป็นการนำเอาระบบสารสนเทศเชิงภูมิศาสตร์ หรือ GIS เข้ามาประยุกต์ใช้ในการจุดเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้เป็นอย่างดี