แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ TaxMap แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ TaxMap แสดงบทความทั้งหมด
วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ขั้นตอนจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน
ที่มา:http://techforlocal.wordpress.com/2011/08/01/ctm/
ขั้นตอนจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน
ในกรณีที่จัดทำทะเบียนทรัพย์สินก่อนแผนที่ภาษี เราจะไม่ทราบรหัสทรัพย์สิน(เขต/เขตย่อย/ลำดับแปลง)ของแต่ละทรัพย์สินที่จะ ใช้ในการบันทึกข้อมูล แนวทางการแก้ไขคือให้จำลองรหัสขึ้นมาโดยข้ามรหัสที่จะมีการใช้งานในอนาคต เช่นถ้าเราสามารถแบ่งเขตได้เป็น 01-09 ก็ให้ข้ามรหัสดังกล่าวโดยการใช้ 11-19 แทน เป็นต้น เพื่อในอนาคตพอเราสามารถจัดทำแผนที่ได้สำเร็จ เราก็เพียงแต่แก้ไขรหัสทรัพย์สินเท่านั้น
ขั้นตอนจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน
- ให้เริ่มต้นจากการทำข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินเป็นอันดับแรก โดยจากการจัดทำข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินที่มีอยู่(เฉพาะข้อมูลที่เก็บภาษีอยู่ ในปัจจุบัน)ให้มีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เช่นการจัดเก็บและรวบรวมเอกสารต่างๆ ให้สมบูรณ์ เช่น สำเนาเอกสารสิทธิ์ที่ดิน และสำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้าน ในกรณีของภาษีบำรุงท้องที่ และรายละเอียดประเภทโรงเรือน การใช้ประโยชน์โรงเรือน และขนาดพื้นที่ ในกรณีภาษีโรงเรือนและที่ดิน เป็นต้น
- จัดหาโปรแกรมบริหารจัดการทะเบียนทรัพย์สินเพื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น L-Tax, …
ในขั้นตอนการจัดทำข้อมูลภาษีบำรุงท้องที่เริ่มต้นจากขบวนการ จัดเก็บข้อมูลจากเจ้าของแปลงที่ดิน ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดที่สุด โดยเก็บในระหว่างที่มีการยื่นแบบแสดงรายการที่ดิน(ภ.บ.ท.5) ซึ่งเจ้าของที่ดินจะต้องยื่นทุก 4 ปีซึ่งจะครบกำหนดต้องยื่นในปี 2553 นี้ โดยในการยื่นแบบ ภ.บ.ท.5 ที่ถูกต้องนั้นจะต้องยื่นสำเนาเอกสารสิทธิ์ที่ดิน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของด้วย เพื่อตรวจสอบเอกสารว่าถูกต้องหรือไม่ และจะต้องยื่นทุกคนที่เป็นเจ้าของแปลงที่ดินในพื้นที่ไม่ว่าจะต้องเสียภาษี หรือไม่ปัญหาการบันทึกข้อมูลทะเบียนทรัพย์สิน
ในกรณีที่จัดทำทะเบียนทรัพย์สินก่อนแผนที่ภาษี เราจะไม่ทราบรหัสทรัพย์สิน(เขต/เขตย่อย/ลำดับแปลง)ของแต่ละทรัพย์สินที่จะ ใช้ในการบันทึกข้อมูล แนวทางการแก้ไขคือให้จำลองรหัสขึ้นมาโดยข้ามรหัสที่จะมีการใช้งานในอนาคต เช่นถ้าเราสามารถแบ่งเขตได้เป็น 01-09 ก็ให้ข้ามรหัสดังกล่าวโดยการใช้ 11-19 แทน เป็นต้น เพื่อในอนาคตพอเราสามารถจัดทำแผนที่ได้สำเร็จ เราก็เพียงแต่แก้ไขรหัสทรัพย์สินเท่านั้น
วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
สตง"พบอปท"31แห่งใช้"จีไอเอส"จัดเก็บรายได้ ไม่เกิดประโยชน์ ทำรัฐสูญนับร้อยล้าน
วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 เวลา 18:49:16 น. มติชนออนไลน์
สต
ง.เผย
อปท.ใช้ระบบ"จีไอเอส"ในการจัดเก็บรายได้เทศบาลได้ไม่เต็มประสิทธิภาพส่งผล
เสียหายนับร้อยล้านบาท หากไม่ให้ความสำคัญจะสูญเปล่า
แนะทางแก้ไขอบรมบุคลากรเพื่อนำระบบมาใช้งาน
แหล่งข่าวจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 16
พฤษภาคมว่า สตง.เข้าตรวจสอบการดำเนินงานการนำระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
(จีไอเอส) มาใช้ในการจัดเก็บรายได้ของเทศบาลหลายแห่ง
หลังจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
มีพันธกิจในด้านการพัฒนาความเข้มแข็งด้านการเงินการคลังขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น (อปท.) และมีเป้าประสงค์ให้
อปท.สามารถตัดสินใจแก้ปัญหาและบริหารจัดการในท้องถิ่นด้วยตนเองอย่างเป็น
ประสิทธิภาพ โดยจัดสรรงบประมาณอุดหนุนทั่วไป เพื่อลดช่วงว่างทางการคลัง
ให้แก่ อปท. โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 400 ล้านบาท ให้กับเทศบาลกว่า 40 แห่ง ในปีงบประมาณ 2547 เพื่อจัดทำโครงการนำระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ มาใช้ในการวางแผนพัฒนา อปท.
นอก
จากนี้ ยังมี
อปท.หลายแห่งเห็นความประโยชน์ในการนำระบบดังกล่าวมาใช้ในการจัดเก็บรายได้
โดยใช้งบประมาณของตนเองในการดำเนินการ
ซึ่งพบว่าการดำเนินงานที่ผ่านมาของเทศบาลประสบปัญหาหลายประการ
จนทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากระบบได้ หรือใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
ส่งผลให้สูญเสียงบประมาณเป็นจำนวนเงินนับร้อยล้านบาท
ทั้งนี้ จากการสุ่มตรวจสอบการใช้งานระบบจีไอเอสของเทศบาล ที่ได้รับการจัดสรรงบจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน 27 แห่ง วงเงิน 245 ล้านบาท และเทศบาลที่ใช้งบประมาณของตนเองวางระบบจีไอเอส จำนวน 47 แห่ง วงเงิน 116.83 ล้านบาท รวมทั้งหมด 71 แห่ง วงเงิน 361.83 ล้านบาท พบข้อสังเกตสำคัญ 2 ประเด็น คือ 1.มีเทศบาลไม่ได้ใช้ประโยชน์จากระบบจีไอเอสในการจัดเก็บรายได้ จำนวน 36 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 50.70 ของเทศบาลที่ตรวจสอบ จำนวนเงิน 139.67 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ มีเทศบาล 4
แห่ง ที่ยังไม่ได้ตรวจรับงาน
เนื่องจากที่ปรึกษาจัดทำโปรแกรมไม่สมบูรณ์และนำเข้าข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วน
ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา จำนวนเงิน 42 ล้านบาท 2. มีเทศบาลที่ใช้ประโยชน์จากระบบจีไอเอสในการจัดเก็บรายได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จำนวน 31 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 43.66 ของจำนวนเทศบาลที่ตรวจสอบ เป็นจำนวนเงิน 180.16 ล้านบาท
ทั้ง
นี้ ในประเด็นเรื่องการไม่ได้ใช้ประโยชน์จากระบบจีเอสไอ
จากการตรวจสอบรายการเคลื่อนไหวในระบบเอกสารข้อมูลที่ดิน โรงเรือน ป้าย
และใบอนุญาต ในทะเบียนทรัพย์สิน (ผ.ท.4.) รายการชำระภาษี และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในทะเบียนคุมผู้ชำระภาษี (ผ.ท.5.) จำนวนเทศบาลละ 100 ราย ในจำนวน 71 แห่ง ที่เลือกตรวจสอบพบว่าเทศบาลจำนวน 36
แห่ง ไม่มีการเคลื่อนไหวของข้อมูลดังกล่าวในระบบจีไอเอส
หมายความว่าเทศบาลทั้งหมดยังคงบันทึกการเคลื่อนไหวของข้อมูลตามระบบเอกสาร
เช่นเดิม ไม่มีการบันทึกข้อมูลและประมวลผลผ่านระบบจีไอเอสแต่อย่างใด
ส่วนกรณีการใช้ไม่เต็มประสิทธิภาพของเทศบาลจำนวน 31 แห่ง แบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ 1.ระบบ
จีไอเอสไม่สามารถเชื่อมโยงกับข้อมูลที่สำคัญต่างๆ อาทิ
การเลือกตำแหน่งในแผนที่แล้วสามารถแสดงรายละเอียดทรัพย์สิน
ระบุชื่อเจ้าของหรือรหัสที่ดินที่สามารถแสดงตำแหน่งทรัยพ์สิน
หรือค่าภาษีทุกประเภทที่ต้องชำระ 2.การใช้ระบบจีไอเอสในการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ ไม่ครบทุกขั้นตอน
"ผล
จากการที่เทศบาลไม่ได้ใช้ประโยชน์และใช้ประโยชน์จากระบบจีไอเอสในการจัดเก็บ
รายได้ ไม่เต็มที่ ทำให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนเงินรวม 143.09
ล้านบาท หากเทศบาลปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง
เงินที่ใช้เป็นก็จะก่อให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่า แต่ในทางตรงกันข้าม
หากไม่ให้ความสำคัญ จะเกิดการสูญเปล่าไม่ได้ประโยชน์แต่อย่างใด"
แหล่งข่าวระบุ
แหล่ง
ข่าวกล่าวว่า เบื้องต้น
สตง.ได้ทำหนังสือแจ้งข้อเสนอแนะไปยังอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
(สถ.) เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ได้แก่ การแจ้งให้
อปท.ทุกแห่งที่นำระบบจีไอเอส มาใช้ในการจัดเก็บรายได้ ตรวจสอบการดำเนิน
เพื่อรายงานปัญหาและอุปสรรคจากการใช้ประโยชน์ โดยให้แจ้งสาเหตุแนวทางแก้ไข
และระยะเวลาที่จะดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จให้กรมทราบ
เพื่อจะได้กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป
พร้อมทั้งติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาของ อปท. โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากร
ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไม่มีการใช้ประโยชน์จากระบบดังกล่าว
นอกจากนี้ควรจัดให้มีศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติงานให้กับ อปท.
ที่นำระบบจีไอเอสมาใช้ด้วย เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
บทสัมภาษณ์ รองศาสตราจารย์ สุนีย์ ประจวบเหมาะ เรื่องของมาตรการเสริมประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของ อบต
ที่มา: http://www.oag.go.th/News/OrderOAG/Order13/Order13_13.jsp
รศ.สุนี ใน หมวดที่ 2 มาตรการเสริมประสิทธิภาพ จะเป็นลักษณะที่เราให้เครื่องมือ อย่างเรื่องแรกที่เราเขียนไปในมาตรการ คือ ให้ อบต. ทุกแห่งควรจะต้องทำแผนที่ภาษี และทะเบียนทรัพย์สิน เพราะตัวแผนที่ภาษีตัวนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการที่จะจัดเก็บรายได้ให้ครบ ถ้วน ถูกต้อง เป็นธรรม เพราะเวลาเราทำเสร็จ จะทราบว่าที่ดินแปลงไหน ควรเก็บภาษีบำรุงท้องที่ ตรงไหนที่เก็บภาษีโรงเรือน ภาษีป้าย เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถทำได้ ก็สามารถที่จะมองได้ว่าตรงไหนเรายังไม่ได้ไปเก็บ เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องมีการสำรวจ เพื่อให้การจัดเก็บครบถ้วน ถูกต้อง เป็นธรรม ถ้ามีเครื่องมืออันนี้แล้วจะช่วยให้ อบต. ทำงานในการจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะว่าแผนที่ภาษีเมื่อทำเสร็จแล้วสามารถจะทำทะเบียนทรัพย์สินได้เลย ซึ่งในเรื่องของแผนที่ภาษี คณะทำงานได้ทำรายละเอียดเอาไว้ คือ สำหรับ อบต. ที่ยังไม่พร้อมในเรื่องการหรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เรามีวิธีการจัดทำเครื่องมือ คือ ทำเอง เอาแผนที่แม่บทมา มาออกสำรวจ ตรงไหนเป็นโรงเรือน หรือเป็นที่ว่างเปล่า แล้วก็ให้ช่างไปสำรวจ แล้วกำหนดขึ้นมา ทำเป็นทะเบียนทรัพย์สิน เราก็สามารถจัดเก็บได้เหมือนกัน แต่ถ้า อบต. ไหนที่มีความสามารถทางด้านการเงินหรือว่า กำลังคนด้วยสามารถทำด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเราเรียกว่า GIS ซึ่งย่อมาจาก Geographic Information System ซึ่งเป็นโปรแกรม software ตระกูล Microsoft Office ซึ่งสามารถทำงานเชื่อมโยงกับโปรแกรมอื่นได้ ในการทำงานของ อบต. ได้ รวมทั้งการจัดเก็บรายได้ รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ในการบริหารงานสามารถทำได้หมด ซึ่งถ้าเรามีโปรแกรมนี้แล้วจะสามารถทำให้ อบต. มีประสิทธิภาพ ข้อโต้แย้งของภาษีจะลดลง ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ โปร่งใสแน่นอน และเป็นฐานข้อมูล ในการบริหารงานด้านอื่นของ อบต. ได้ด้วย อันนี้คือความหวังที่ว่าถ้า อบต. จะมี GIS ได้ทุก อบต. จะทำให้การทำงาน ที่เราเรียกว่าการกระจายอำนาจ ที่ออกไปสู่ท้องถิ่น จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รศ.สุนี ใน หมวดที่ 2 มาตรการเสริมประสิทธิภาพ จะเป็นลักษณะที่เราให้เครื่องมือ อย่างเรื่องแรกที่เราเขียนไปในมาตรการ คือ ให้ อบต. ทุกแห่งควรจะต้องทำแผนที่ภาษี และทะเบียนทรัพย์สิน เพราะตัวแผนที่ภาษีตัวนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการที่จะจัดเก็บรายได้ให้ครบ ถ้วน ถูกต้อง เป็นธรรม เพราะเวลาเราทำเสร็จ จะทราบว่าที่ดินแปลงไหน ควรเก็บภาษีบำรุงท้องที่ ตรงไหนที่เก็บภาษีโรงเรือน ภาษีป้าย เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถทำได้ ก็สามารถที่จะมองได้ว่าตรงไหนเรายังไม่ได้ไปเก็บ เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องมีการสำรวจ เพื่อให้การจัดเก็บครบถ้วน ถูกต้อง เป็นธรรม ถ้ามีเครื่องมืออันนี้แล้วจะช่วยให้ อบต. ทำงานในการจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะว่าแผนที่ภาษีเมื่อทำเสร็จแล้วสามารถจะทำทะเบียนทรัพย์สินได้เลย ซึ่งในเรื่องของแผนที่ภาษี คณะทำงานได้ทำรายละเอียดเอาไว้ คือ สำหรับ อบต. ที่ยังไม่พร้อมในเรื่องการหรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เรามีวิธีการจัดทำเครื่องมือ คือ ทำเอง เอาแผนที่แม่บทมา มาออกสำรวจ ตรงไหนเป็นโรงเรือน หรือเป็นที่ว่างเปล่า แล้วก็ให้ช่างไปสำรวจ แล้วกำหนดขึ้นมา ทำเป็นทะเบียนทรัพย์สิน เราก็สามารถจัดเก็บได้เหมือนกัน แต่ถ้า อบต. ไหนที่มีความสามารถทางด้านการเงินหรือว่า กำลังคนด้วยสามารถทำด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเราเรียกว่า GIS ซึ่งย่อมาจาก Geographic Information System ซึ่งเป็นโปรแกรม software ตระกูล Microsoft Office ซึ่งสามารถทำงานเชื่อมโยงกับโปรแกรมอื่นได้ ในการทำงานของ อบต. ได้ รวมทั้งการจัดเก็บรายได้ รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ในการบริหารงานสามารถทำได้หมด ซึ่งถ้าเรามีโปรแกรมนี้แล้วจะสามารถทำให้ อบต. มีประสิทธิภาพ ข้อโต้แย้งของภาษีจะลดลง ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ โปร่งใสแน่นอน และเป็นฐานข้อมูล ในการบริหารงานด้านอื่นของ อบต. ได้ด้วย อันนี้คือความหวังที่ว่าถ้า อบต. จะมี GIS ได้ทุก อบต. จะทำให้การทำงาน ที่เราเรียกว่าการกระจายอำนาจ ที่ออกไปสู่ท้องถิ่น จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สตง.สงสัยจัดซื้อระบบ GIS ไม่โปร่งใส ผู้บริหารเทศบาลแจงไม่เจตนาทำรัฐเสียหาย โยนสถ.ต้นเหตุ
สตง.ลุยต่อเทศบาลใช้ระบบจัดเก็บรายได้ไม่
คุ้มค่า สงสัยจัดซื้อจัดจ้างไม่โปร่งใส มีผลประโยชน์ทับซ้อน คนบงการ
ส.ท.ท.--ผู้บริหารเทศบาล โยนสถ.ชี้ว่าจ้างวางระบบไม่ทันสมัย
โปรแกรมไม่สมบูรณ์และไม่ได้ตั้งใจทำให้รัฐเสียหา
ผู้บริหารเทศบาลหลายแห่ง รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจง ภายหลังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบโครงที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) จัดสรรงบประมาณอุดหนุนทั่วไปให้เทศบาลกว่า 400 ล้านบาท เพื่อนำระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (จีไอเอส) มาใช้ ในการจัดเก็บรายได้ของเทศบาล และเทศบาลหลายแห่งนำงบฯเทศบาลมาดำเนินการอีกจำนวนหนึ่ง แต่กลับพบปัญหา โดยจากการสุ่มตรวจเทศบาล 71 แห่ง ไม่สามารถใช้ประโยชน์ หรือใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดความเสียหายกว่า 143 ล้านบาท
นายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) กล่าวเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ว่าปัญหาน่าจะเกิดจาก สถ.ให้บริษัทเอกชนหลายแห่งเข้ามาวางระบบ จึงทำให้ข้อมูลไม่เป็นปัจจุบัน โปรแกรมคอมพิวเตอร์มีปัญหา นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการเลือกตั้งที่เทศบาลบางแห่งอาจเปลี่ยนตัวผู้บริหาร งานจึงไม่ต่อเนื่อง ขณะนี้ ส.ท.ท.ร่วมมือกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยศิลปากร และสำนักวิจัย มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต พัฒนาโปรแกรมระบบจีไอเอสสำหรับงานแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน เพื่อใช้ในระบบงานของเทศบาลสมาชิกเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน มีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็ว
นอกจากนี้ ส.ท.ท .ร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต จัดฝึกอบรมการจัดทำแผนที่ภาษี การใช้โปรแกรมปฏิบัติงาน โดยวันที่ 15-21 มิถุนายนนี้ จะจัดที่มหาวิทยาลัยทักษิณ จ.สงขลา สำหรับระบบใหม่นี้มีการใช้งานที่เทศบาลต้นแบบ คือ เทศบาลเมืองลำพูน เทศบาลเมืองปทุมธานี เทศบาลเมืองพนัสนิคม เทศบาลเมืองบุรีรัมย์
ขณะที่ผู้บริหารเทศบาล ที่มีรายชื่อในกลุ่ม 25 เทศบาล ที่ถูกสุ่มตรวจพบ มีปัญหาไม่ได้ใช้งาน และใช้งานระบบจีไอเอสมาใช้จัดเก็บรายได้ไม่เต็มประสิทธิภาพนั้น นายอำนาจ วิทยา ปลัดเทศบาลเมืองชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี กล่าวว่า ได้รับงบฯทำระบบจาก สถ.เมื่อปี 2548 วงเงิน 13 ล้านบาท ใช้ไปแล้วประมาณ 6 ล้านบาท ขณะนี้ยังไม่เสร็จสิ้นโครงการ พบปัญหาเกิดจากบุคลากรขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้ระบบจีไอเอส ประกอบกับข้อมูลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เจริญเติบโตสูง ทำให้การจัดเก็บข้อมูลไม่เป็นปัจจุบัน
"ที่ผ่านมาจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 2550 ประมาณ 30 ล้านบาท ปี 2551 สูงถึง 36 ล้านบาท การันตีจากรางวัลจัดเก็บภาษีอย่างมีประสิทธิภาพจาก สถ.ปี 2551Ž"นายอำนาจกล่าว และว่า ขณะนี้ตั้งคณะกรรมการควบคุมการปฏิบัติงานตามโครงการและจัดฝึกอบรมบุคลากร เพื่อการทำงานมีประสิทธิภาพ
นายพงษ์พิสิทธิ์ ศรีจั้นแก้ว นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลผักไห่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สตง.มีหนังสือถึงเทศบาลว่าจากการประเมินผลการใช้ระบบจีไอเอสจัดเก็บรายได้ ไม่ได้ตรงตามประสงค์ เนื่องจากคอมพิวเตอร์ไม่เพียงพอ โปรแกรมไม่สมบูรณ์ และเจ้าหน้าที่ขาดความชำนาญ เทศบาลแก้ไขปัญหาแล้วโดยจัดหาคอมพิวเตอร์เพิ่มเติมพร้อมโปรแกรมที่สมบูรณ์ โดยจ้างบุคลากรในสังกัดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วางระบบ และจ้างผู้ปฏิบัติงานที่มีความชำนาญด้านคอมพิวเตอร์
"ปี 2549 จัดเก็บได้ 2,251,077 บาท ทดลองใช้จีไอเอสปี 2550 เก็บได้ 3,587,297 บาท ปี 2551 ได้ 3,586,620 บาท จะเห็นได้ว่าจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น แต่ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้เก็บภาษีแบบก้าวหน้าไม่ได้ เมื่อ สตง.แจ้งว่าควรปรับปรุงเทศบาลพร้อมดำเนินการ"นายพงษ์พิสิทธิ์กล่าว
นายพงษ์พิสิทธิ์กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น โทษองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ฝ่ายเดียวคงไม่ได้ เพราะเป็นโครงการนำร่อง คำว่านำร่องหมายถึงเพิ่งทดลองทำ ลองผิดลองถูก ขอยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากความตั้งใจให้รัฐเสียหาย
นายชโลม โปลิตานนท์ นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เป้าประสงค์ของโครงการเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน หากทำได้ประชาชนและรัฐจะได้ประโยชน์สูงสุด แต่เมื่อทดลองทำอาจต้องปรับแก้กันบ้าง และเทศบาลเร่งแก้ไขอยู่ และปกติสามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย แต่ช่วงเศรษฐกิจแบบนี้จะให้เก็บตามตัวเลขในอัตราก้าวหน้าไม่ได้ หากเก็บได้เท่าปีก่อนถือว่าดีแล้ว
ว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรี เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เทศบาลนครถือเป็นองค์กรใหญ่สุดของเทศบาลที่นำร่องโครงการนี้ เมื่อผิดพลาดได้แก้ไขตามข้อแนะนำ แต่ช่วงนี้เศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี หากเก็บภาษีในให้ได้ตัวเลขแบบก้าวหน้าที่กำหนดไว้คงทำได้ลำบาก
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า ภายหลังการตรวจพบปัญหาที่เกิดขึ้น สตง.ได้ทำการแจ้งข้อบกพร่องการใช้งานระบบจีไอเอสของเทศบาล ไปให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น สถ. และเทศบาลต่างๆ เข้าไปปรับปรุงแก้ไขทันที ซึ่งขณะนี้ สตง.กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการรอให้หน่วยงานชี้แจงข้อเท็จจริง และความคืบหน้าการแก้ไขปัญหามาให้รับทราบ เพราะในข้อเท็จจริงแล้ว ระบบจีไอเอสถือเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่มีประโยชน์ในการปรับปรุงระบบการจัดเก็บรายได้ที่ดี หากมีการใช้งานเกิดขึ้นจริง และเต็มตามประสิทธิภาพ ก็จะเป็นประโยชน์ต่องานให้บริการประชาชน
"โครงการนี้ ถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่ชี้ให้เห็นได้ชัดเจน ถึงการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่คุ้มค่าของหน่วยงานราชการ ทั้งในส่วนของคนจ่ายเงิน และคนได้รับเงิน ไปซื้อของมาใช้ กับไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ บางหน่วยงานเห็นเขาไปซื้อมาใช้บ้างก็ไปซื้อตาม แต่ซื้อมาก็ใช้ไม่เป็น ทำกันเป็นแฟชั่น โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากความไม่พร้อมทั้งในเรื่อง คน และเครื่องมือ ที่จะรองรับการใช้งาน"นายพิศิษฐ์ระบุ
นายพิศิษฐ์กล่าวว่า นอกเหนือจากการตรวจสอบเรื่องคุ้มค่าในการติดตามระบบจีไอเอสของเทศบาลแล้ว สตง.กำลังขยายผลการตรวจสอบเชิงลึก เกี่ยวกับเหตุผลและความจำเป็นในการวางระบบจีไอเอส ครั้งนี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และกระบวนการจัดซื้อจัดระบบของแต่ละเทศบาลด้วย ว่ามีความโปร่งใสหรือไม่ และมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และมีใครอยู่เบื้องหลังสั่งการให้มีการดำเนินการเรื่องนี้หรือไม่
ส่วนเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยจะเสนอ ครม. วันที่ 19 พฤษภาคม พิจารณาการเลือกตั้งกำนันโดยตรงนั้น นายกวี ศรีวิสุทธิ์ อดีตประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เห็นด้วยเพราะที่ผ่านมาการให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้เลือกกำนั้น ทำให้ความผูกพันระหว่างกำนันกับประชาชนขาดหายไป ที่ผ่านมามีหลายตำบลในพื้นที่นครศรีธรรมราช ที่ผู้ใหญ่บ้านวิ่งเต้นซื้อเสียงผู้ใหญ่บ้านด้วยกันเพื่อให้เลือกเป็นกำนัน อยากให้แก้กฎหมายเปลี่ยนมาใช้การเลือกตั้งโดยประชาชนจะดีกว่า
ข่าววันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 เวลา 20:19:15 น. มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1242652785&grpid=01&catid=01
ผู้บริหารเทศบาลหลายแห่ง รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจง ภายหลังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบโครงที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) จัดสรรงบประมาณอุดหนุนทั่วไปให้เทศบาลกว่า 400 ล้านบาท เพื่อนำระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (จีไอเอส) มาใช้ ในการจัดเก็บรายได้ของเทศบาล และเทศบาลหลายแห่งนำงบฯเทศบาลมาดำเนินการอีกจำนวนหนึ่ง แต่กลับพบปัญหา โดยจากการสุ่มตรวจเทศบาล 71 แห่ง ไม่สามารถใช้ประโยชน์ หรือใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดความเสียหายกว่า 143 ล้านบาท
นายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) กล่าวเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ว่าปัญหาน่าจะเกิดจาก สถ.ให้บริษัทเอกชนหลายแห่งเข้ามาวางระบบ จึงทำให้ข้อมูลไม่เป็นปัจจุบัน โปรแกรมคอมพิวเตอร์มีปัญหา นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการเลือกตั้งที่เทศบาลบางแห่งอาจเปลี่ยนตัวผู้บริหาร งานจึงไม่ต่อเนื่อง ขณะนี้ ส.ท.ท.ร่วมมือกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยศิลปากร และสำนักวิจัย มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต พัฒนาโปรแกรมระบบจีไอเอสสำหรับงานแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน เพื่อใช้ในระบบงานของเทศบาลสมาชิกเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน มีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็ว
นอกจากนี้ ส.ท.ท .ร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต จัดฝึกอบรมการจัดทำแผนที่ภาษี การใช้โปรแกรมปฏิบัติงาน โดยวันที่ 15-21 มิถุนายนนี้ จะจัดที่มหาวิทยาลัยทักษิณ จ.สงขลา สำหรับระบบใหม่นี้มีการใช้งานที่เทศบาลต้นแบบ คือ เทศบาลเมืองลำพูน เทศบาลเมืองปทุมธานี เทศบาลเมืองพนัสนิคม เทศบาลเมืองบุรีรัมย์
ขณะที่ผู้บริหารเทศบาล ที่มีรายชื่อในกลุ่ม 25 เทศบาล ที่ถูกสุ่มตรวจพบ มีปัญหาไม่ได้ใช้งาน และใช้งานระบบจีไอเอสมาใช้จัดเก็บรายได้ไม่เต็มประสิทธิภาพนั้น นายอำนาจ วิทยา ปลัดเทศบาลเมืองชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี กล่าวว่า ได้รับงบฯทำระบบจาก สถ.เมื่อปี 2548 วงเงิน 13 ล้านบาท ใช้ไปแล้วประมาณ 6 ล้านบาท ขณะนี้ยังไม่เสร็จสิ้นโครงการ พบปัญหาเกิดจากบุคลากรขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้ระบบจีไอเอส ประกอบกับข้อมูลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เจริญเติบโตสูง ทำให้การจัดเก็บข้อมูลไม่เป็นปัจจุบัน
"ที่ผ่านมาจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 2550 ประมาณ 30 ล้านบาท ปี 2551 สูงถึง 36 ล้านบาท การันตีจากรางวัลจัดเก็บภาษีอย่างมีประสิทธิภาพจาก สถ.ปี 2551Ž"นายอำนาจกล่าว และว่า ขณะนี้ตั้งคณะกรรมการควบคุมการปฏิบัติงานตามโครงการและจัดฝึกอบรมบุคลากร เพื่อการทำงานมีประสิทธิภาพ
นายพงษ์พิสิทธิ์ ศรีจั้นแก้ว นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลผักไห่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สตง.มีหนังสือถึงเทศบาลว่าจากการประเมินผลการใช้ระบบจีไอเอสจัดเก็บรายได้ ไม่ได้ตรงตามประสงค์ เนื่องจากคอมพิวเตอร์ไม่เพียงพอ โปรแกรมไม่สมบูรณ์ และเจ้าหน้าที่ขาดความชำนาญ เทศบาลแก้ไขปัญหาแล้วโดยจัดหาคอมพิวเตอร์เพิ่มเติมพร้อมโปรแกรมที่สมบูรณ์ โดยจ้างบุคลากรในสังกัดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วางระบบ และจ้างผู้ปฏิบัติงานที่มีความชำนาญด้านคอมพิวเตอร์
"ปี 2549 จัดเก็บได้ 2,251,077 บาท ทดลองใช้จีไอเอสปี 2550 เก็บได้ 3,587,297 บาท ปี 2551 ได้ 3,586,620 บาท จะเห็นได้ว่าจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น แต่ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้เก็บภาษีแบบก้าวหน้าไม่ได้ เมื่อ สตง.แจ้งว่าควรปรับปรุงเทศบาลพร้อมดำเนินการ"นายพงษ์พิสิทธิ์กล่าว
นายพงษ์พิสิทธิ์กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น โทษองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ฝ่ายเดียวคงไม่ได้ เพราะเป็นโครงการนำร่อง คำว่านำร่องหมายถึงเพิ่งทดลองทำ ลองผิดลองถูก ขอยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากความตั้งใจให้รัฐเสียหาย
นายชโลม โปลิตานนท์ นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เป้าประสงค์ของโครงการเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน หากทำได้ประชาชนและรัฐจะได้ประโยชน์สูงสุด แต่เมื่อทดลองทำอาจต้องปรับแก้กันบ้าง และเทศบาลเร่งแก้ไขอยู่ และปกติสามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย แต่ช่วงเศรษฐกิจแบบนี้จะให้เก็บตามตัวเลขในอัตราก้าวหน้าไม่ได้ หากเก็บได้เท่าปีก่อนถือว่าดีแล้ว
ว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรี เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เทศบาลนครถือเป็นองค์กรใหญ่สุดของเทศบาลที่นำร่องโครงการนี้ เมื่อผิดพลาดได้แก้ไขตามข้อแนะนำ แต่ช่วงนี้เศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี หากเก็บภาษีในให้ได้ตัวเลขแบบก้าวหน้าที่กำหนดไว้คงทำได้ลำบาก
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า ภายหลังการตรวจพบปัญหาที่เกิดขึ้น สตง.ได้ทำการแจ้งข้อบกพร่องการใช้งานระบบจีไอเอสของเทศบาล ไปให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น สถ. และเทศบาลต่างๆ เข้าไปปรับปรุงแก้ไขทันที ซึ่งขณะนี้ สตง.กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการรอให้หน่วยงานชี้แจงข้อเท็จจริง และความคืบหน้าการแก้ไขปัญหามาให้รับทราบ เพราะในข้อเท็จจริงแล้ว ระบบจีไอเอสถือเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่มีประโยชน์ในการปรับปรุงระบบการจัดเก็บรายได้ที่ดี หากมีการใช้งานเกิดขึ้นจริง และเต็มตามประสิทธิภาพ ก็จะเป็นประโยชน์ต่องานให้บริการประชาชน
"โครงการนี้ ถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่ชี้ให้เห็นได้ชัดเจน ถึงการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่คุ้มค่าของหน่วยงานราชการ ทั้งในส่วนของคนจ่ายเงิน และคนได้รับเงิน ไปซื้อของมาใช้ กับไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ บางหน่วยงานเห็นเขาไปซื้อมาใช้บ้างก็ไปซื้อตาม แต่ซื้อมาก็ใช้ไม่เป็น ทำกันเป็นแฟชั่น โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากความไม่พร้อมทั้งในเรื่อง คน และเครื่องมือ ที่จะรองรับการใช้งาน"นายพิศิษฐ์ระบุ
นายพิศิษฐ์กล่าวว่า นอกเหนือจากการตรวจสอบเรื่องคุ้มค่าในการติดตามระบบจีไอเอสของเทศบาลแล้ว สตง.กำลังขยายผลการตรวจสอบเชิงลึก เกี่ยวกับเหตุผลและความจำเป็นในการวางระบบจีไอเอส ครั้งนี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และกระบวนการจัดซื้อจัดระบบของแต่ละเทศบาลด้วย ว่ามีความโปร่งใสหรือไม่ และมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และมีใครอยู่เบื้องหลังสั่งการให้มีการดำเนินการเรื่องนี้หรือไม่
ส่วนเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยจะเสนอ ครม. วันที่ 19 พฤษภาคม พิจารณาการเลือกตั้งกำนันโดยตรงนั้น นายกวี ศรีวิสุทธิ์ อดีตประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เห็นด้วยเพราะที่ผ่านมาการให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้เลือกกำนั้น ทำให้ความผูกพันระหว่างกำนันกับประชาชนขาดหายไป ที่ผ่านมามีหลายตำบลในพื้นที่นครศรีธรรมราช ที่ผู้ใหญ่บ้านวิ่งเต้นซื้อเสียงผู้ใหญ่บ้านด้วยกันเพื่อให้เลือกเป็นกำนัน อยากให้แก้กฎหมายเปลี่ยนมาใช้การเลือกตั้งโดยประชาชนจะดีกว่า
ข่าววันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 เวลา 20:19:15 น. มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1242652785&grpid=01&catid=01
บริการจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน.
ด้วยกระทรวงมหาดไทย มีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำแผนที่ภาษี และทะเบียนทรัพย์สินเพื่อนำไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ จึงได้ออกระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2550 ซึ่งระเบียบดังกล่าวได้กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเห็นว่าเพื่อเป็นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวง มหาดไทย ดังกล่าว และการจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินเมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยตาม โครงการแล้วจะทำให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินต่าง ๆ ของประชาชนไว้ใช้สำหรับการจัดเก็บภาษี (ภาษีบำรุงท้องที่, ภาษีโรงเรือนที่ดินและภาษีป้าย) รวมทั้งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตต่างๆ ไว้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการเร่งรัดติดตามจัดเก็บรายได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และเป็นธรรมแก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอย่างแท้จริง และยังทำให้การจัดเก็บภาษีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีระบบฐานข้อมูลที่แน่นอนและสามารถตรวจสอบได้โดยสะดวก รวดเร็ว นอกจากนี้ทุกหน่วยงานภายในท้องถิ่นก็สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการบริหารงานและ พัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายละเอียดในการดำเนินการดังนี้
1.1 จัดทำแผนแม่บท
ดำเนินการจัดทำแผนที่แม่บทระบบดิจิตอล (Digital System) เพื่อใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการการสำรวจข้อมูลภาคสนามโดยรวบรวมแปลงที่ดิน ในพื้นที่ทั้งหมดจากเอกสารต่างๆจากสำนักงานที่ดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยแยกเป็นชั้นข้อมูลต่าง ๆ และต้องสามารถเชื่อมโยงเข้ากับโปรแกรมแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินได้อีก ด้วย
1. จัดทำแผนที่แสดงแนวเขตปกครองและมีชื่อเลขระวางกำกับระวาง
2. คัดลอก ระวางที่ดินทุกประเภทที่อยู่ในเขตปกครองโดยสำเนาเท่าต้นฉบับจริงทุกระวางรวม ทั้งระวางขยายจากสำนักงานที่ดิน
3. กวาดภาพข้อมูลระวางที่ดินที่ได้คัดลอกจาก สำนักงานที่ดิน
4. ปรับแก้ความถูกต้องทางเรขาคณิตและทางพิกัดภูมิศาสตร์ของ ระวางที่ดิน เพื่อนำมาเชื่อมต่อ(แสดง)ในระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ให้เป็นผืนเดียวกัน
5. จัดทำรูปแสดงแผนที่ดิจิตอล (รูปแปลงที่ดิน) จากระวางที่ดินซึ่งเป็นข้อมูลเชิงพื้นที่ให้สามารถอ้างอิงตำแหน่งพิกัดทาง ภูมิศาสตร์
6. จัดทำรูปแสดงแผนที่ดิจิตอลแบ่งเขตปกครองในระวางเป็นแบบรายเขต (Zone) ตามความเหมาะสมโดยอ้างอิงแนวทางจากคู่มือการจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียน ทรัพย์สิน
7. จัดทำรูปแสดงแผนที่ดิจิตอลแบ่งเขตในระวางเป็นแบบรายเขตย่อย (Block) ตามความเหมาะสมโดยอ้างอิงแนวทางจากคู่มือการจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียน ทรัพย์สิน
8. จัดทำรูปแปลงที่ดินพร้อมหมุดดิน(ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนด )เท่าขนาดระวางที่ดินต้นฉบับ และลงเลขประจำแปลงที่ดิน (Lot) แต่ละแปลงภายในเขตย่อยทั้งหมด และแสดงรายละเอียดรูปแปลงที่ดิน เลขประจำแปลงที่ดิน (Lot) เลขที่ดิน และเลขที่ระวาง
1.2 จัดทำแผนที่ทางกายภาพ
ดำเนินการจัดทำแผนที่ดิจิตอลข้อมูลกายภาพหรือข้อมูลฐาน(Base Map)จากข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศ หรือข้อมูลภาพดาวเทียมรายละเอียดสูงหรือข้อมูลอื่นที่มีคุณภาพเทียบเท่าหรือ ดีกว่า เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับหน่วยงานอื่นๆ ครอบคลุมพื้นที่ปกครอง
1. จัดหาข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศสีหรือข้อมูลภาพถ่ายจาก ดาวเทียมรายละเอียดสูงครอบคลุมพื้นที่ปกครอง
2. ปรับแก้ความถูกต้องทาง เรขาคณิตและทางพิกัดภูมิศาสตร์ของภาพถ่ายทางอากาศสีหรือข้อมูลภาพถ่ายจากดาว เทียมรายละเอียดสูง
3. นำเข้าสู่ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
4. จัดทำแผนที่ ข้อมูลกายภาพ(Base Map) จากภาพที่ได้นำเข้าสู่ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ ประกอบด้วยชั้นข้อมูลดังนี้ ชั้นข้อมูลตารางกริด (Grid) ชั้นข้อมูลโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ(Building) ชั้นข้อมูลทางน้ำ(หรือแหล่งน้ำ) เส้นทางคมนาคม(ถนน) ทั้งเส้นกึ่งกลางและเส้นขอบ
5. จัดทำแบบพิมพ์(Print Template)แผนที่แม่บทในรูปแบบข้อมูลเชิงตัวเลข(Digital Map) เมื่อต้องการพิมพ์แผนที่แม่บทให้มีรูปแบบตามที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่า ด้วยแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2550 กำหนด
1.3 จัดทำข้อมูลทะเบียนทรัพย์สิน
จัดทำและนำเข้าข้อมูลทะเบียนทรัพย์สิน สู่ระบบสารสนเทศงานทะเบียนทรัพย์สิน เพื่อนำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการรับชำระภาษี
1. นำเข้าข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินสู่ระบบสารสนเทศงานทะเบียนทรัพย์สิน
2. สำรวจและปรับปรุงข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินครอบคลุมพื้นที่ ตามข้อมูลที่คัดลอกมาจากสำนักงานที่ดิน
3. ปรับปรุงแผนที่ภาษีในระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์(จากการสำรวจภาคสนาม)
4. จัดเก็บข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินที่ได้จากการสำรวจข้อมูลภาคสนามทั้งหมด รวมทั้งเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่คัดลอกมาแต่ละแปลงที่ดินมาไว้ด้วยกัน โดยเรียงตามเลขประจำแปลงที่ดิน (Lot) ในแต่ละเขตย่อย (Block)
5. บันทึกข้อมูลทั้งหมดในฐานข้อมูลระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ จัดทำแบบพิมพ์ (Print Template) แผนที่ภาษี(ผ.ท.7) เมื่อต้องการพิมพ์แผนที่ภาษีในรูปแบบข้อมูลเชิงตัวเลข(Digital Map) ให้มีรูปแบบตามที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยแผนที่ภาษีและทะเบียน ทรัพย์สินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2550 กำหนด
วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556
หนังสือขอคัดระวางที่ดินและเอกสารสิทธิ์ที่ดิน
ที่มา: http://techforlocal.wordpress.com/2011/08/04/lcopy/

หนังสือที่อ้างถึง
หนังสือที่ มท 0515/ว 12309 เรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมกรณี ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจ ขอตรวจหลักฐาน ขอคัดหรือขอถ่ายสำเนาเอกสาร

หนังสือที่อ้างถึง
หนังสือที่ มท 0515/ว 12309 เรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมกรณี ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจ ขอตรวจหลักฐาน ขอคัดหรือขอถ่ายสำเนาเอกสาร

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556
บริการรับทำแผนที่ ขายภาพถ่ายทางอากาศ ขายภาพถ่ายจากดาวเทียมราคาถูก
รับจัดทำภาพถ่ายจากดาวเทียม Google Earth ,Bing Map ,Yahoo Map รายละเอียดสูง มาตราส่วน 1:4,000 ราคาถูก ระวางละ 160 บาท (1 ระวางเท่ากับ 4 ตารางกิโลเมตร) ใช้ในงานด้านต่างๆ เช่นงานแผนที่ภาษี,ผังเมือง,สาธารณสุข,การเกษตร,การใช้ประโยชน์ที่ดิน ฯลฯ
ตัวอย่างภาพ 1 ระวาง
ตรวจสอบรายชื่อระวาง/ภาพถ่ายจากดาวเทียม ตามชื่อตำบล
การนำไปใช้ประโยชน์
- ด้านการสำรวจสภาพการใช้ที่ดิน
-การใช้ประโยชน์ที่ดิน

- แผนที่ภาษี/แผนที่โฉนดในเขตปกครองส่วนท้องถิ่น
- ผังเมือง
รายละเอียดเพิ่มเติม
Mobile : 086-645-1435
Mail : ajarn.veerapong@gmail.com Website: www.ajarnveerapong.com
http://www.ajarnveerapong.com/download/raster/603940486.tif
ตรวจสอบรายชื่อระวาง/ภาพถ่ายจากดาวเทียม ตามชื่อตำบล
www.ajarnveerapong.com/rawang_gis/rawanggis.php
การนำไปใช้ประโยชน์
- ด้านการคมนาคมขนส่ง![]() |
- ด้านการสำรวจสภาพการใช้ที่ดิน





Mobile : 086-645-1435
Mail : ajarn.veerapong@gmail.com Website: www.ajarnveerapong.com
วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556
วิธีการจัดทำข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินที่ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด
ที่มา:http://userspatax.fix.gs/index.php?topic=160.msg722;topicseen#msg722
เริ่ม จากข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินที่ชำระภาษีแล้ว โดยการจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลให้ถูกต้อง ครบถ้วน ทั้งเอกสารและรายละเอียดที่จำเป็น ในกรณีภาษีบำรุงท้องที่ให้จัดทำแบบยื่นแสดงรายการที่ดิน(ภ.บ.ท.5) พร้อมจัดเก็บเอกสารให้ครบถ้วนคือ จะต้องมีสำเนาเอกสารสิทธิที่ดิน(ระบุการใช้ประโยชน์ที่ดินแปลงนั้น) สำเนาบัตรประจำตัวหรือสำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของที่ดิน ประกอบการยื่นแบบฯ เพิ่มให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ จากนั้นนำข้อมูลที่ได้บันทึกลงในระบบคอมพิวเตอร์ครับ
กรณีภาษีบำรุงท้องที่ จะพบว่ารายละเอียดที่ต้องการทราบไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสาร สิทธิ์ ที่ตั้ง ขนาดแปลงที่ดิน และเจ้าของแปลงที่ดินนั้นๆ จะปรากฎอยู่ในเอกสารสิทธิ์แล้ว จะมีเฉพาะการใช้ประโยชน์บนที่ดินแปลงนั้นๆ เท่านั้นที่จะต้องสำรวจเพิ่มเติมจากเจ้าของแปลงที่ดินหรือสำรวจภาคสนาม ดังนั้นถ้าเราสามารถจัดเก็บข้อมูลจากเจ้าของที่ดินได้มากเท่าใดก็จะทำให้เรา สามารถจัดทำข้อมูลภาษีบำรุงท้องที่ได้สมบูรณ์ครบถ้วนมากเท่านั้น ซึ่งเป็นการประหยัดงบประมาณในการจัดทำได้อีกทางหนึ่ง
เริ่ม จากข้อมูลทะเบียนทรัพย์สินที่ชำระภาษีแล้ว โดยการจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลให้ถูกต้อง ครบถ้วน ทั้งเอกสารและรายละเอียดที่จำเป็น ในกรณีภาษีบำรุงท้องที่ให้จัดทำแบบยื่นแสดงรายการที่ดิน(ภ.บ.ท.5) พร้อมจัดเก็บเอกสารให้ครบถ้วนคือ จะต้องมีสำเนาเอกสารสิทธิที่ดิน(ระบุการใช้ประโยชน์ที่ดินแปลงนั้น) สำเนาบัตรประจำตัวหรือสำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของที่ดิน ประกอบการยื่นแบบฯ เพิ่มให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ จากนั้นนำข้อมูลที่ได้บันทึกลงในระบบคอมพิวเตอร์ครับ
กรณีภาษีบำรุงท้องที่ จะพบว่ารายละเอียดที่ต้องการทราบไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสาร สิทธิ์ ที่ตั้ง ขนาดแปลงที่ดิน และเจ้าของแปลงที่ดินนั้นๆ จะปรากฎอยู่ในเอกสารสิทธิ์แล้ว จะมีเฉพาะการใช้ประโยชน์บนที่ดินแปลงนั้นๆ เท่านั้นที่จะต้องสำรวจเพิ่มเติมจากเจ้าของแปลงที่ดินหรือสำรวจภาคสนาม ดังนั้นถ้าเราสามารถจัดเก็บข้อมูลจากเจ้าของที่ดินได้มากเท่าใดก็จะทำให้เรา สามารถจัดทำข้อมูลภาษีบำรุงท้องที่ได้สมบูรณ์ครบถ้วนมากเท่านั้น ซึ่งเป็นการประหยัดงบประมาณในการจัดทำได้อีกทางหนึ่ง
ข้อพึงระวังกรณีจัดทำแผนที่แม่บท
ที่มา :http://userspatax.fix.gs/index.php?topic=268.msg613;topicseen#msg613
ในขั้นตอนของการจัดทำแผนที่แม่บทนั้น โดยทั่วไปจะมีขั้นตอนในการดำเนินการดังนี้
1. ถ่ายภาพระวางที่ดินจากสำนักงานที่ดิน(ขนาดจริง A1) ถ่ายเป็นกระดาษขาว
2. นำภาพถ่ายระวางมากวาดภาพ(scan) ที่รายละเอียด 200-300 จุดต่อนิ้ว
จาก กรณีที่กรมฯจัดอบรมให้นำภาพดังกล่าวเข้าสู่โปรแกรม LTaxGIS แล้วกำหนดค่าพิกัดของมุมทั้งสี่ เพื่อกำหนดตำแหน่งภาพบนระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ แล้วดำเนินการสร้างข้อมูลแปลงที่ดินนั้นมีข้อพึงระวังดังนี้
ขั้น ตอนดังกล่าวจะเกิดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลทั้งในขั้นตอนการถ่ายภาพระวางและ ขั้นตอนของการกวาดภาพ ซึ่งจะส่งผลทำให้บริเวณต่างๆ ภาพในภาพที่ได้มีระยะและตำแหน่งที่ผิดไปจากความเป็นจริงครับ สาเหตุจากต้นฉบับที่ผิดรูป บิดเบี้ยว การสอดระวางเข้าเครื่องอาจเอียงไม่ตรง ความต่อเนื่องของการดึงต้นฉบับของเครื่องถ่าย/เครื่องสแกนซึ่งจะส่งผลต่อภาพ ที่ได้
แนวทางการแก้ไขหรือลดความคลาดเคลื่อนดังกล่าว สามารถทำได้โดยการนำภาพที่ได้จากการกวาดภาพไปผ่านขั้นตอนการปรับแก้ความถูก ต้องทางเรขาคณิต(Geo-matric correction)และพิกัดภูมิศาสตร์(Geo-referance)
ในขั้นตอนของการจัดทำแผนที่แม่บทนั้น โดยทั่วไปจะมีขั้นตอนในการดำเนินการดังนี้
1. ถ่ายภาพระวางที่ดินจากสำนักงานที่ดิน(ขนาดจริง A1) ถ่ายเป็นกระดาษขาว
2. นำภาพถ่ายระวางมากวาดภาพ(scan) ที่รายละเอียด 200-300 จุดต่อนิ้ว
จาก กรณีที่กรมฯจัดอบรมให้นำภาพดังกล่าวเข้าสู่โปรแกรม LTaxGIS แล้วกำหนดค่าพิกัดของมุมทั้งสี่ เพื่อกำหนดตำแหน่งภาพบนระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ แล้วดำเนินการสร้างข้อมูลแปลงที่ดินนั้นมีข้อพึงระวังดังนี้
ขั้น ตอนดังกล่าวจะเกิดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลทั้งในขั้นตอนการถ่ายภาพระวางและ ขั้นตอนของการกวาดภาพ ซึ่งจะส่งผลทำให้บริเวณต่างๆ ภาพในภาพที่ได้มีระยะและตำแหน่งที่ผิดไปจากความเป็นจริงครับ สาเหตุจากต้นฉบับที่ผิดรูป บิดเบี้ยว การสอดระวางเข้าเครื่องอาจเอียงไม่ตรง ความต่อเนื่องของการดึงต้นฉบับของเครื่องถ่าย/เครื่องสแกนซึ่งจะส่งผลต่อภาพ ที่ได้
แนวทางการแก้ไขหรือลดความคลาดเคลื่อนดังกล่าว สามารถทำได้โดยการนำภาพที่ได้จากการกวาดภาพไปผ่านขั้นตอนการปรับแก้ความถูก ต้องทางเรขาคณิต(Geo-matric correction)และพิกัดภูมิศาสตร์(Geo-referance)
ระวางแผนที่ L7017 L7018 และ WGS 84 มันต่างกันยังไง
ที่มา :http://thaitopo.editboard.com/t676-topic
- แผนที่ มาตราส่วน 1:50,000 ชุด L7017 อ้างอิงพื้นหลักฐาน Indian-1975 ครับ (ในชื่อ Indian Thailand-1975) และปัจจุบันเลิกผลิตไปแล้ว แต่ก็มีบางหน่วยงาน ยังใช้แผนที่ชุดนี้อยู่....ความคลาดเคลื่อนค่อนข้างเยอะ ทั้ง 3 แกน
- แผนที่ มาตราส่วน 1:50,000 ชุด L7018 อ้างอิงพื้นหลักฐาน WGS-84 (World Geodetic System 1984) ครับ เป็นชุดแผนที่ๆ กำลังใช้กันอยู่ในประเทศไทยปัจจุบัน และการสำรวจจัดทำแผนที่ชุดนี้ ใช้ GPS ในการรังวัดจุดควบคุม ทางราบ-ทางดิ่ง ทั่วประเทศ...ความแม่นยำ จะดีกว่า แผนที่ชุด L7017
- WGS-84 คือระบบกริดรูปแบบหนึ่ง ของระบบพิกัดกริด UTM (Universal Traverse Mercator) มีหน่วยที่ใช้บอกระยะทางเป็น เมตร
วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556
ความรู้เกี่ยวกับเอกสารสิทธิที่ดิน
เอกสารสิทธิ์เกี่ยวกับที่ดินมีอยู่หลาย ประเภท ในที่นี้จะขอกล่าวแต่เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันที่เราอาจพบเจอได้ เท่านั้นครับ ซึ่งก็มีดังนี้ครับ
- ส.ค. 1 คือ ใบแจ้งการครอบครองที่ดิน ซึ่งเป็นเพียงหลักฐานการแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่า คุณกำลังครอบครองที่ดินแปลงใดอยู่ ไม่ใช่หนังสือแสดงกรรมสิทธิที่ดินแต่อย่างใด และไม่สามารถจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิได้ แต่ใช้แสดงเจตนาว่าจะสละการครอบครองให้แก่ผู้รับโอนได้เท่านั้น ทั้งนี้ ส.ค.1 สามารถใช้เป็นหลักฐานในการขอออกโฉนดที่ดิน น.ส.3 หรือ น.ส.3ก. ได้ ก็ ต่อเมื่อทางราชการมีการประกาศโครงการออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ หรือเมื่อมีการยื่นขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เฉพาะราย
- น.ส. 2 คือ หนังสือแสดงความยินยอมให้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินเป็นการชั่วคราวจากทางราชการ ซึ่ง ผู้มีใบจับจองจะต้องจัดการทำประโยชน์ในที่ดินให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 75 ของที่ดินที่จัดให้ภายในสามปี โดยสิทธิดังกล่าวไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นได้ ซึ่งเมื่อทำประโยชน์ตามเงื่อนไขข้างต้นครบกำหนดเวลาแล้ว จึงมีสิทธินำมาขอออกโฉนดที่ดิน น.ส.3 หรือ น.ส.3ก. ได้
- น.ส.3 คือ หนังสือคำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าได้ทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว โดยได้มีการรังวัดและจัดทำแผนที่ของที่ดินแล้ว
- น.ส.3ก. คือ หนังสือคำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า ได้ทำประโยชน์ในที่ดินนั้นแล้ว แต่ต่างจาก น.ส.3 ตรงที่ มีการรังวัดและจัดทำแผนที่ของที่ดินนั้นจากภาพระวางรูปถ่ายทางอากาศเรียบร้อยแล้ว
- โฉนดที่ดิน คือ หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยมีความหมายรวมถึงโฉนดแผนที่ โฉนดตราจอง และตราจองที่มีการประทับตราว่า "ได้ทำประโยชน์แล้ว" ซึ่งออกให้ตามกฎหมายเก่า แต่ก็ถือว่ามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ผู้เป็นเจ้าของโฉนดที่ดิน จะมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นอย่างสมบูรณ์ สามารถ ใช้สิทธิในที่ดินได้เต็มที่ มีสิทธิในการจัดจำหน่าย รวมถึงสิทธิในการปกป้องและขัดขวางไม่ให้บุคคลอื่นเข้ามาละเมิดสิทธิของตนใน ที่ดินนั้นด้วย
ใบแจ้งการครอบครอบที่ดิน (ส.ค. 1) คืออะไร?
กรณีที่ 2 นำมาเป็น หลักฐานในการขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3, น.ส.3 ก.หรือ น.ส.๓ ข) เฉพาะราย คือ กรณีที่เจ้าของที่ดินมีความประสงค์ จะขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ก็ให้ไปยืนคำขอ ณ สำนักงานที่ดินที่ที่ดินตั้งอยู่เฉพาะการออกโฉนดที่ดินนี้ จะออกได้ในพื้นที่ที่ได้สร้างระวางแผนที่สำหรับออกโฉนดที่ดินไว้แล้วเท่า นั้น
บริเวณที่ดินที่จะทำการออกโฉนดที่ดินได้นั้น บริเวณดังกล่าวต้องมีการสร้างระวางแผนที่เพื่อการออกโฉนดที่ดินไว้แล้ว ตามระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2532) ข้อ 4 ซึ่งการขอสร้างระวางแผนที่เพื่อการออกโฉนดที่ดิน สำนักงานที่ดินแห่งท้องที่จะเป็นผู้ขอสร้างระวางแผนที่ได้ แต่หากบริเวณใดที่ยังไม่มีระวางแผนที่ หรืออยู่ระหว่างการขอสร้างระวางแผนที่ แต่หากผู้ถือ ส.ค.1 ไม่ประสงค์จะรอการขอสร้างระวางดังกล่าว ก็สามารถยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามหลักฐาน ส.ค.1 ดังกล่าวและนำมาขอออกโฉนดที่ดินในภายหลังเมื่อมีระวางแผนที่พร้อมแล้วได้ ส่วนการจะออกเป็น น.ส.3 ก. (ครุฑเขียว)หรือ น.ส. 3 (ครุฑดำ) นั้นขึ้นอยู่กับบริเวณนั้นมีระวางรูปถ่ายทางอากาศหรือไม่ หากมีก็สามารถออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยใช้ระวางรูปถ่ายทางอากาศ (น.ส.3 ก.) (ครุฑเขียว) ให้กับผู้ถือส.ค.1 ได้ แต่หากไม่มีต้องออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) (ครุฑดำ) ให้ จึงขอให้ผู้ถือส.ค. 1 ติดต่อสำนักงานที่ดินที่ที่ดินตั้งอยู่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ที่ดินของท่านอยู่ในหลักเกณฑ์ที่สามารถออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่อย่างไร [กฎกระทรวงฉบับที่ 43 (พ.ศ.2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497]
กรมที่ดิน ประกาศยกเลิก ส.ค. 1 ให้เวลา 2 ปี
โดยที่มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 ได้กำหนดให้ผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ โดยมีหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1)และยังมิได้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ นำหลักฐาน ส.ค.1 มายื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้ บังคับ (6 กุมภาพันธ์ 2553) และเมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวหากมีผู้นำหลักฐาน ส.ค.1 มาขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ พนักงานเจ้าหน้าที่จะออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ได้ต่อ เมื่อศาลยุติธรรมได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ถึงที่สุดว่าผู้นั้นเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินโดยชอบด้วย กฎหมายอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ในการพิจารณาคดีของศาล ให้ศาลแจ้งให้กรมที่ดินทราบ และให้กรมที่ดินตรวจสอบกับระวางรูปแผนที่รูปถ่ายทางอากาศหรือระวางรูปถ่าย ทางอากาศฉบับที่ทำขึ้นก่อนสุดเท่าที่ทางราชการมีอยู่ พร้อมทั้งทำความเห็นเสนอต่อศาลว่า ผู้นั้นได้ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินนั้นโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนวันที่ ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับหรือไม่ เพื่อประกอบการพิจารณาของศาล ความเห็นดังกล่าว ให้เสนอต่อศาลภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งจากศาล เว้นแต่ศาลจะขยายระยะเวลาเป็นอย่างอื่น
คำถาม-คำตอบที่ควรรู้
ถาม ส.ค. 1 หาย ติดต่อสำนักงานที่ดิน น้ำปาด บอกว่าให้ติดต่อ ที่ดินฟากท่า เมื่อติดต่อไปที่ดินฟากท่า บอกว่าเอกสารถูกไฟไหม้ไปเมื่อปี 2535 หมดแล้ว ทางกรมที่ดินจะให้ไปติดต่อที่ใด เพื่อออกหลักฐานแทน ส.ค 1. ที่หายไป ต้องการใช้ด่วน
ตอบ ส.ค. 1 สูญหาย จะต้องไปยื่นคำขอตรวจสอบทะเบียนการครอบครอง ณ สำนักงานที่ดินที่ที่ดินตามหลักฐาน ส.ค.1 ดังกล่าวตั้งอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับคำขอแล้ว จะดำเนินการตรวจสอบและสอบสวนเพื่อจัดทำ ส.ค.1 ขึ้นใหม่ทั้งสองตอน แต่ทั้งนี้จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงตามที่กรมที่ดินได้วางแนวทางไว้ให้เจ้า หน้าที่ปฏิบัติตามหนังสือของกรมที่ดิน ที่ มท 0610/ว 2608 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2509 สรุปได้ว่าการจัดทำ ส.ค.1 ขึ้นใหม่ทั้งสองตอนนั้น ต้องเป็นกรณีที่ปรากฏหลักฐานในทะเบียนการครอบครองที่ดินว่า ได้มีการรับแจ้งการครอบครองไว้และส.ค.1 ตอนที่ 2 (ฉบับเจ้าของที่ดิน) ก็สูญหายไปด้วยเช่นกันโดยให้สอบสวน ส.ค.1 ฉบับอำเภอว่าสูญหายไปได้อย่างไรก่อน และสอบสวนเจ้าของที่ดินเป็นข้อมูลในการจัดทำ แล้วดำเนินการจัดทำ ส.ค.1 ขึ้นใหม่ทั้ง 2 ตอน โดยอาศัยหลักฐานในทะเบียนการครอบครองที่ดินแล้วมอบ ส.ค.1 ตอนที่ 2 ให้เจ้าของที่ดินรับไปเป็นหลักฐานต่อไป หากทะเบียนการครอบครองที่ดินเล่มของสำนักงานที่ดินชำรุดสูญหาย สำนักงานที่ดินก็สามารถขอตรวจสอบมาทางกรมที่ดิน โดยระบุเลขที่ ส.ค.1 หมู่ที่ ตำบล อำเภอ จังหวัดและชื่อผู้แจ้งการครอบครองที่ดินให้ชัดเจน กรมที่ดินก็จะตรวจสอบกับเล่มทะเบียนการครอบครองที่ดินทางส่วนกลางและแจ้งให้ สำนักงานที่ดินทราบต่อไป กรณี ส.ค.1 สูญหายนี้ เจ้าหน้าที่จะพิจารณาจัดทำขึ้นใหม่ตามมาตรา 64 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไม่ได้เพราะแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน ส.ค.1 เป็นเพียงหลักฐานที่แสดงว่า ผู้แจ้งเป็นผู้ครอบครองที่ดินอยู่ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินเท่านั้นและประมวล กฎหมายที่ดินก็ไม่ได้บัญญัติให้ดำเนินการได้เช่นเดียวกับกรณีโฉนดที่ดิน ใบไต่สวน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือใบจองฉบับสำนักงานที่ดินเป็นอันตรายชำรุดหรือสูญหาย
ถาม การซื้อขายที่ ส.ค.1 จะต้องไปจดทะเบียนที่ที่ดินหรือไม่ ถ้าไม่ไป สัญญาดังกล่าวจะเป็นโมฆะและเรียกเงินคืนได้หรือไม่?
ตอบ ส.ค.1 เป็นหนังสือซึ่งผู้ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวล กฎหมายที่ดินใช้บังคับโดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน แจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่ตามนัยมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ส.ค.1 จึงไม่ใช่หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เป็นเพียงหนังสือที่พนักงานเจ้าหน้าที่ลงรับไว้เป็นหลักฐานว่าได้รับแจ้งการ ครอบครองเท่านั้น การซื้อขายที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ ส.ค. 1 ทำได้โดยการส่งมอบการครอบครองที่ดิน มิได้มีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ณ สำนักงานที่ดินให้ปรากฏ ที่ดินประเภทนี้จึงเป็นที่ดินมือเปล่าและการแจ้งการครอบครองที่ดินนี้ก็มิ ได้ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่แก่ผู้แจ้ง ( มาตรา 5 วรรคท้าย แห่ง พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ) ดังนั้น ตามกฎหมายที่ดินที่มี ส.ค.1 จึงทำการโอนกันได้ด้วยการส่งมอบการครอบครอง
ถาม มีที่ดิน ส.ค. 1 โดยพ่อซื้อต่อจากญาติและยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อใน ใบ ส.ค.1 และได้ทำกินมาตลอด (ปลูกยางพาราและบ้านอาศัย) ต่อมาพ่อเสียชีวิตและญาติที่มีชื่อใน ส.ค.1 ก็เสียชีวิตไปนานแล้ว ลูกๆได้ทำกินในที่นั้น ตลอดไม่ได้ทิ้งช่วง อยากจะขอออกเป็นโฉนด ลูกๆจะต้องเดินเรื่องอย่างไร เพราะใบ ส.ค.1 ไม่ใช่ชื่อพ่อ?
ตอบ ผู้ที่ครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่องจากผู้แจ้ง ส.ค. 1 สามารถนำ ส.ค. 1 ดังกล่าว ไปยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินได้
ถาม ครอบครองที่ดินแปลงหนึ่ง มีสำเนา ส.ค.1 อยู่ แต่ไม่ใช่ชื่อของผม เป็นของญาติ ปัจจุบันมีชีวิตอยู่ ถ้าต้องการ ส.ค.1ใหม่ต้องทำอย่างไรบ้าง และถ้าออก ส.ค.1ใหม่ได้จะเป็นชื่อใคร ถ้าเป็นชื่อของญาติ เราจะนำไปออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่ ถ้ามีสัญญาซื้อขายไปยืนยันด้วย
ตอบ ส.ค.1 คือ แบบแจ้งการครอบครองที่ดินสำหรับการนำหลักฐาน ส.ค.1 ไปขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ นั้น ผู้ที่ครอบครองและทำประโยชน์ต่อเนื่องมาจากผู้มีชื่อใน ส.ค. 1 ย่อมขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำ ประโยชน์ โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค.1 และสัญญาซื้อขายในนามตนเองได้ โดยสามารถดำเนินการได้ 2 วิธี
1. โดยการดำเนินสำรวจออกโฉนดตามมาตรา 58 และ 58 วรรค (1) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
2. ขอออกโฉนดที่ดินเป็นการเฉพาะตามมาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายทีดิน โดยยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดนั้น
ถาม มีใบ ส.ค.1 แต่ยังไม่ได้ทำโฉนด คือจะถามว่า ยังไงที่ดินก็ยังเป็นของเราใช่ไมครับ กลัวว่าที่ข้างเคียงจะมั่วเอาที่ของผมไปด้วยครับ?
ตอบ กรณีนี้ที่ดินที่มีหลักฐาน ส.ค. 1 ขอแนะนำให้ไปยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553 เนื่องจากพ้นกำหนดดังกล่าว ผู้ที่ไปยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. 1 จะต้องนำคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดว่าเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำ ประโยชน์ในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้ บังคับไปแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย
ถาม จะซื้อที่ดินเปล่าแต่ไม่มีโฉนดที่ดิน ในหมู่บ้านหนองสมอ ต.หนองระเวียง อ.เมือง นครราชสีมา มีแต่ใบ ส.ค. 1 ,ใบเสียภาษีที่ดิน อยากทราบว่าจะสามารถซื้อมาเป็นกรรมสิทธิ์ของเราได้หรือเปล่า และถ้าซื้อมาสามารถ ขอออกโฉนดที่ดินได้หรือเปล่า จะมีปัญหายุ่งยากหรือเปล่า?
ตอบ ส.ค.1 เป็นหนังสือซึ่งผู้ที่ได้ผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับโดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน แจ้งการครอบครองที่ดิน ต่อนายอำเภอท้องที่ตามนัยมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ส.ค.1 จึงไม่ใช่หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเป็นเพียงหนังสือที่พนักงานเจ้าหน้าที่ลง รับไว้เป็นหลักฐานว่าได้รับแจ้งการครอบครองเท่านั้น ที่ดินมี ส.ค.1 จึงเป็นที่ดินมือเปล่าและการแจ้งการครอบครองที่ดินมิได้ก่อให้เกิดสิทธิขึ้น ใหม่แก่ผู้แจ้งแต่อย่างใด กล่าวคือ ถ้าผู้แจ้งการครอบครองมิใช่ผู้มีสิทธิในที่ดิน การแจ้งการครอบครองก็มิได้ทำให้ผู้แจ้งมีสิทธิขึ้นมาแต่อย่างใด สำหรับการออกโฉนดที่ดินจากหลักฐาน ส.ค.1 นั้น สามารถดำเนินการได้ตามมาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินโดยยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่ สำหรับที่ดินที่สามารถออกโฉนดที่ดินได้จะต้องเป็นที่ดินที่มีผู้มิสิทธิใน ที่ดินได้ครอบครองทำประโยชน์แล้ว และเป็นที่ดินที่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ตามกฎหมาย ยกเว้น
1. ที่ดินที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่นทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ ที่ชายตลิ่ง
2. ที่เขา ที่ภูเขา และพื้นที่ที่รัฐมนตรีประกาศหวงห้ามตามมาตรา 9(2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแต่ไม่รวมถึงที่ดินซึ่งผู้ครอบครองมีสิทธิครอบครอง โดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายที่ดิน
3. ที่เกาะ แต่ไม่รวมถึงที่ดินของ(ซึ่งมีหลักฐานแจ้งการครอบครองที่ดิน มีใบจอง ใบเหยียบย่ำ หนังสือรับรองการทำประโยชน์โฉนดตราจอง ตราจองที่ได้ตราว่า "ได้ทำประโยชน์แล้ว" หรือเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินเพื่อการครองชีพหรือ ที่ดินที่คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติได้อนุมัติให้จัดแก่ประชาชนหรือที่ดิน ซึ่งได้มีการจัดหาผลประโยชน์ตามมาตรา 10และมาตรา 11 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติได้อนุมัติแล้ว
4. ที่สงวนหวงห้ามตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 20(3) และ (4) แห่งประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2526 หรือกฎหมายอื่น
5. ที่ดินที่คณะรัฐมนตรีสงวนไว้เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น
ดังนั้น หากจะซื้อที่ดินแล้วปรากฏว่า ที่ดินมี ส.ค.1 ควรให้ผู้ขายนำ ส.ค.1 ไปยื่นคำขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเสียก่อนเพื่อจะได้ตรวจสอบและพิสูจน์ ที่ดินเสียก่อน
คำพิพากษาฎีกาที่ควรรู้
คำพิพากษาฎีกาที่ 1518/2503 การแจ้งการครอบครองที่ดินตามแบบ ส.ค.1 นั้น ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้แจ้งแต่ประการใด เว้นแต่ผู้แจ้งจะได้สิทธิครอบครองอยู่แล้ว โดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาฎีกาที่ 1076-1079/2510 ผู้ที่ไม่มีสิทธิใน ที่ดิน แม้จะได้ไปแจ้งการครอบครอง ได้รับ ส.ค.1 และได้รับ น.ส.3 ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น รับซื้อที่ดิน น.ส.3 ไว้โดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อปรากฏว่าผู้มีชื่อใน น.ส.3 ไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น ผู้ซื้อก็ไม่มีสิทธิแต่อย่างใด
คำพิพากษาฎีกาที่ 472/2513 ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่า ส.ค.1 นั้นเป็นหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือถือว่าเหมือนโฉนด การแจ้งเป็นเพียงการแสดงเจตนาอย่างหนึ่งว่า ผู้แจ้งยังไม่สละสิทธิครอบครองที่ดินที่แจ้งนั้น การแจ้งก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่หรือกรรมสิทธิ์นอกเหนือไปจากสิทธิที่ ครอบครองมีอยู่แต่เดิม
ที่มา: กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย
ภ.บ.ท. 5 คืออะไร?
ภ.บ.ท.5
เป็นแบบแสดงรายการที่ดินที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่จะต้องไปยื่น
แบบดังกล่าวเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ประจำปีต่อเจ้าพนักงานประเมิน ณ
สำนักงานอันเป็นที่ตั้งขององค์กรปกครองท้องถิ่นที่ที่ที่ดินตั้งอยู่ เช่น
สำนักงานเขตในกรุงเทพมหานคร สำนักงานเทศบาล ที่ว่าการอำเภอ
ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล ทั้งนี้
เป็นไปตามพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ.2508
ภ.บ.ท. 5 จึงมิใช่เอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกตามประมวลกฎหมายที่ดิน การซื้อขายจึงทำได้เพียงการส่งมอบการครอบครองที่ดินให้แก่กันเท่านั้น ไม่สามารถไปจดทะเบียน สิทธิและนิติกรรม ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ได้ บุคคลที่มีชื่อใน ภ.บ.ท. 5 อาจจะไม่ใช่เจ้าของที่ดิน และที่ดินอาจจะเป็นที่หวงห้ามที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิตาม ประมวลกฎหมายที่ดินก็อาจเป็นได้ การซื้อขายที่ดินที่มีเพียง ภ.บ.ท. 5 จึงเป็นการเสี่ยงภัยของผู้ซื้อเอง หากประสงค์จะซื้อที่ดินที่มีหลักฐาน ภ.บ.ท. 5 ควรให้ผู้ขายยื่นคำขอออกหนังสือ แสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อพิสูจน์สิทธิก่อนว่าสามารถออก เอกสารสิทธิได้หรือไม่ หากสามารถออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินได้และขอออกเอกสารสิทธิ ในที่ดินตามหลักฐาน ภ.บ.ท. 5 เนื้อที่ที่คำนวณได้จากการรังวัดออกเอกสารสิทธิย่อมไม่ตรงกับเนื้อที่ที่ ระบุไว้ในหลักฐาน ภ.บ.ท. 5 ได้เพราะถือว่าเป็นที่ดินที่ไม่มีหลักฐานสำหรับที่ดิน ไม่เคยมีการรังวัดคำนวณเนื้อที่โดยกรมที่ดินมาก่อนแต่อย่างใด อีกทั้งการรังวัดออกเอกสารสิทธิที่ดินจะใช้วิธีการรังวัดทำแผนที่และคำนวณ เนื้อที่โดยใช้หลักวิชาการทางแผนที่ซึ่งจะมี มาตรฐานความละเอียดถูกต้อง การแจ้งเนื้อที่ตามหลักฐาน ภ.บ.ท.5 จึงเป็นการแจ้งของผู้ทำประโยชน์ในที่ดินโดยประมาณเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ ประจำปีเท่านั้น
คำถาม-คำตอบที่ควรรู้
ถาม 1.อยากทราบว่า ภ.ท.บ. 5 นี้สามารถเปลี่ยนเป็น ส.ค.1 หรือ น.ส.3 ได้หรือไม่
2. เปลี่ยนได้หรือไม่ได้เพราะอะไร ถ้าเปลี่ยนได้ควรทำอย่างไร?
ตอบ ภ.บ.ท. 5 เป็นแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่ ดังนั้น ที่ดินบริเวณดังกล่าวจึงเป็นที่ดินมือเปล่า ไม่มีเอกสารสิทธิใด ๆ และ จะสามารถออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่สงวนหวงห้ามมิให้ออก เอกสารสิทธิหรือไม่ อย่างไร?
ถาม อยากทราบเรื่องการทำสัญญาซื้อขายที่ดิน น.ส.3 กับซื้อที่ดินที่มีใบ ภ.บ.ท.5 การทำสัญญาซื้อขายต้องทำ 2 ฉบับ หรือรวมกันได้ แล้วมีแบบฟอร์มในการซื้อขาย ดังกล่าวหรือไม่?
ตอบ สัญญาซื้อขายที่ดิน เป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ดังนั้น คุณต้องทำความตกลงกันเอง อย่างไรก็ตาม น.ส. 3 เป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน แต่ ภ.บ.ท. 5 มิใช่เอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน การซื้อขายจึงทำได้เพียงการส่งมอบการครอบครองที่ดินให้แก่กันเท่านั้น ไม่สามารถไปจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ได้
ถาม ซื้อที่ดินเพื่อปลูกยางพารา แต่ที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์อะไรเลย มีเพียงใบเสียภาษีดอกหญ้า แต่มีการทำสัญญาซื้อขายที่บ้านกำนันมีพยานหลายคน ที่แปลงนี้ขายต่อมาหลายทอดแล้ว จึงกังวลว่าภายในอนาคตมีจะมีปัญหาตามมา และสามารถฟ้องศาลได้หรือไม่ และเวลาที่ขายก็ไม่ได้มีการวัด เพียงแต่ตกลงกันด้วยวาจาเท่านั้น
ตอบ ที่ดินมีเพียงใบเสียภาษียอนหลัง เป็นเพียงแบบชำระภาษีบำรุงท้องที่ไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ดินอาจเป็นที่หวงห้าม ที่สาธารณะประโยชน์หรือที่ปีหรือเป็นที่ ที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิ์ได้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน การซื้อขายที่ดินที่มีเพียงแบบเสียภาษีบำรุงท้องที่จึงเป็นการเสียงของผู้ ซื้อเองควรให้เจ้าของขอออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินก่อน
ถาม ภ.บ.ท. คืออะไร แล้วสามารถซื้อที่ดินที่มีใบ ภ.บ.ท.5 ได้หรือไม่?
ตอบ ภ.บ.ท.5 เป็นเพียงแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีท้องที่ไม่ใช่เอกสารสิทธิตามประมวล กฎหมายที่ดิน บุคคลที่มีชื่อใน ภ.บ.ท.5 อาจจะไม่ใช่เจ้าของที่ดินและที่ดินอาจจะเป็นที่หวงห้าม ที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินก็อาจเป็น ได้ การซื้อขายที่ดินที่มีเพียง ภ.บ.ท.5 จึงเป็นการเสี่ยงภัยของผู้ซื้อ หากท่านจะซื้อที่ดินที่มีหลักฐาน ภ.บ.ท.5 ให้ยื่นคำขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อพิสูจน์ สิทธิก่อนว่าสามารถออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่ หากท่านต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการนำ ภ.บ.ท.5 ไปออกโฉนดที่ดิน ขอให้สอบถามที่สำนักงานที่ดินทุกแห่ง
ถาม ใบ ภ.บ.ท. 5 นำมาขอออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่?
ตอบ ภ.บ.ท. 5 สามารถใช้เป็นเอกสารประกอบในการขอออกโฉนดที่ดินได้ หากที่ดินดังกล่าวมิได้เป็นที่สงวนหวงห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน ภ.บ.ท.5 เป็นเพียงแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีท้องที่ไม่ใช่เอกสารสิทธิตามประมวล กฎหมายที่ดิน บุคคลที่มีชื่อใน ภ.บ.ท.5 อาจจะไม่ใช่เจ้าของที่ดินและที่ดินอาจจะเป็นที่หวงห้าม ที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินก็อาจเป็น ได้ การซื้อขายที่ดินที่มีเพียง ภ.บ.ท.5 จึงเป็นการเสี่ยงภัยของผู้ซื้อ หากท่านจะซื้อที่ดินที่มีหลักฐาน ภ.บ.ท.5 ให้ยื่นคำขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อพิสูจน์ สิทธิก่อนว่าสามารถออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่ หากท่านต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการนำ ภ.บ.ท.5 ไปออกโฉนดที่ดิน ขอให้สอบถามที่สำนักงานที่ดินทุกแห่ง
ภ.บ.ท. คืออะไร แล้วสามารถซื้อที่ดินที่มีใบ ภ.บ.ท.5 ได้หรือไม่?
ภ.บ.ท.5 เป็นเพียงแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีท้องที่ไม่ใช่เอกสารสิทธิตามประมวล กฎหมายที่ดิน บุคคลที่มีชื่อใน ภ.บ.ท.5 อาจจะไม่ใช่เจ้าของที่ดินและที่ดินอาจจะเป็นที่หวงห้าม ที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินก็อาจเป็น ได้ การซื้อขายที่ดินที่มีเพียง ภ.บ.ท.5 จึงเป็นการเสี่ยงภัยของผู้ซื้อ หากท่านจะซื้อที่ดินที่มีหลักฐาน ภ.บ.ท.5 ให้ยื่นคำขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อพิสูจน์ สิทธิก่อนว่าสามารถออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่ หากท่านต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการนำ ภ.บ.ท.5 ไปออกโฉนดที่ดิน ขอให้สอบถามที่สำนักงานที่ดินทุกแห่ง
ภ.บ.ท. 5 จึงมิใช่เอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกตามประมวลกฎหมายที่ดิน การซื้อขายจึงทำได้เพียงการส่งมอบการครอบครองที่ดินให้แก่กันเท่านั้น ไม่สามารถไปจดทะเบียน สิทธิและนิติกรรม ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ได้ บุคคลที่มีชื่อใน ภ.บ.ท. 5 อาจจะไม่ใช่เจ้าของที่ดิน และที่ดินอาจจะเป็นที่หวงห้ามที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิตาม ประมวลกฎหมายที่ดินก็อาจเป็นได้ การซื้อขายที่ดินที่มีเพียง ภ.บ.ท. 5 จึงเป็นการเสี่ยงภัยของผู้ซื้อเอง หากประสงค์จะซื้อที่ดินที่มีหลักฐาน ภ.บ.ท. 5 ควรให้ผู้ขายยื่นคำขอออกหนังสือ แสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อพิสูจน์สิทธิก่อนว่าสามารถออก เอกสารสิทธิได้หรือไม่ หากสามารถออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินได้และขอออกเอกสารสิทธิ ในที่ดินตามหลักฐาน ภ.บ.ท. 5 เนื้อที่ที่คำนวณได้จากการรังวัดออกเอกสารสิทธิย่อมไม่ตรงกับเนื้อที่ที่ ระบุไว้ในหลักฐาน ภ.บ.ท. 5 ได้เพราะถือว่าเป็นที่ดินที่ไม่มีหลักฐานสำหรับที่ดิน ไม่เคยมีการรังวัดคำนวณเนื้อที่โดยกรมที่ดินมาก่อนแต่อย่างใด อีกทั้งการรังวัดออกเอกสารสิทธิที่ดินจะใช้วิธีการรังวัดทำแผนที่และคำนวณ เนื้อที่โดยใช้หลักวิชาการทางแผนที่ซึ่งจะมี มาตรฐานความละเอียดถูกต้อง การแจ้งเนื้อที่ตามหลักฐาน ภ.บ.ท.5 จึงเป็นการแจ้งของผู้ทำประโยชน์ในที่ดินโดยประมาณเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ ประจำปีเท่านั้น
คำถาม-คำตอบที่ควรรู้
ถาม 1.อยากทราบว่า ภ.ท.บ. 5 นี้สามารถเปลี่ยนเป็น ส.ค.1 หรือ น.ส.3 ได้หรือไม่
2. เปลี่ยนได้หรือไม่ได้เพราะอะไร ถ้าเปลี่ยนได้ควรทำอย่างไร?
ตอบ ภ.บ.ท. 5 เป็นแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่ ดังนั้น ที่ดินบริเวณดังกล่าวจึงเป็นที่ดินมือเปล่า ไม่มีเอกสารสิทธิใด ๆ และ จะสามารถออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่สงวนหวงห้ามมิให้ออก เอกสารสิทธิหรือไม่ อย่างไร?
ถาม อยากทราบเรื่องการทำสัญญาซื้อขายที่ดิน น.ส.3 กับซื้อที่ดินที่มีใบ ภ.บ.ท.5 การทำสัญญาซื้อขายต้องทำ 2 ฉบับ หรือรวมกันได้ แล้วมีแบบฟอร์มในการซื้อขาย ดังกล่าวหรือไม่?
ตอบ สัญญาซื้อขายที่ดิน เป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ดังนั้น คุณต้องทำความตกลงกันเอง อย่างไรก็ตาม น.ส. 3 เป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน แต่ ภ.บ.ท. 5 มิใช่เอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน การซื้อขายจึงทำได้เพียงการส่งมอบการครอบครองที่ดินให้แก่กันเท่านั้น ไม่สามารถไปจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ได้
ถาม ซื้อที่ดินเพื่อปลูกยางพารา แต่ที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์อะไรเลย มีเพียงใบเสียภาษีดอกหญ้า แต่มีการทำสัญญาซื้อขายที่บ้านกำนันมีพยานหลายคน ที่แปลงนี้ขายต่อมาหลายทอดแล้ว จึงกังวลว่าภายในอนาคตมีจะมีปัญหาตามมา และสามารถฟ้องศาลได้หรือไม่ และเวลาที่ขายก็ไม่ได้มีการวัด เพียงแต่ตกลงกันด้วยวาจาเท่านั้น
ตอบ ที่ดินมีเพียงใบเสียภาษียอนหลัง เป็นเพียงแบบชำระภาษีบำรุงท้องที่ไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ดินอาจเป็นที่หวงห้าม ที่สาธารณะประโยชน์หรือที่ปีหรือเป็นที่ ที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิ์ได้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน การซื้อขายที่ดินที่มีเพียงแบบเสียภาษีบำรุงท้องที่จึงเป็นการเสียงของผู้ ซื้อเองควรให้เจ้าของขอออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินก่อน
ถาม ภ.บ.ท. คืออะไร แล้วสามารถซื้อที่ดินที่มีใบ ภ.บ.ท.5 ได้หรือไม่?
ตอบ ภ.บ.ท.5 เป็นเพียงแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีท้องที่ไม่ใช่เอกสารสิทธิตามประมวล กฎหมายที่ดิน บุคคลที่มีชื่อใน ภ.บ.ท.5 อาจจะไม่ใช่เจ้าของที่ดินและที่ดินอาจจะเป็นที่หวงห้าม ที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินก็อาจเป็น ได้ การซื้อขายที่ดินที่มีเพียง ภ.บ.ท.5 จึงเป็นการเสี่ยงภัยของผู้ซื้อ หากท่านจะซื้อที่ดินที่มีหลักฐาน ภ.บ.ท.5 ให้ยื่นคำขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อพิสูจน์ สิทธิก่อนว่าสามารถออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่ หากท่านต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการนำ ภ.บ.ท.5 ไปออกโฉนดที่ดิน ขอให้สอบถามที่สำนักงานที่ดินทุกแห่ง
ถาม ใบ ภ.บ.ท. 5 นำมาขอออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่?
ตอบ ภ.บ.ท. 5 สามารถใช้เป็นเอกสารประกอบในการขอออกโฉนดที่ดินได้ หากที่ดินดังกล่าวมิได้เป็นที่สงวนหวงห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน ภ.บ.ท.5 เป็นเพียงแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีท้องที่ไม่ใช่เอกสารสิทธิตามประมวล กฎหมายที่ดิน บุคคลที่มีชื่อใน ภ.บ.ท.5 อาจจะไม่ใช่เจ้าของที่ดินและที่ดินอาจจะเป็นที่หวงห้าม ที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินก็อาจเป็น ได้ การซื้อขายที่ดินที่มีเพียง ภ.บ.ท.5 จึงเป็นการเสี่ยงภัยของผู้ซื้อ หากท่านจะซื้อที่ดินที่มีหลักฐาน ภ.บ.ท.5 ให้ยื่นคำขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อพิสูจน์ สิทธิก่อนว่าสามารถออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่ หากท่านต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการนำ ภ.บ.ท.5 ไปออกโฉนดที่ดิน ขอให้สอบถามที่สำนักงานที่ดินทุกแห่ง
ภ.บ.ท. คืออะไร แล้วสามารถซื้อที่ดินที่มีใบ ภ.บ.ท.5 ได้หรือไม่?
ภ.บ.ท.5 เป็นเพียงแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีท้องที่ไม่ใช่เอกสารสิทธิตามประมวล กฎหมายที่ดิน บุคคลที่มีชื่อใน ภ.บ.ท.5 อาจจะไม่ใช่เจ้าของที่ดินและที่ดินอาจจะเป็นที่หวงห้าม ที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินก็อาจเป็น ได้ การซื้อขายที่ดินที่มีเพียง ภ.บ.ท.5 จึงเป็นการเสี่ยงภัยของผู้ซื้อ หากท่านจะซื้อที่ดินที่มีหลักฐาน ภ.บ.ท.5 ให้ยื่นคำขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อพิสูจน์ สิทธิก่อนว่าสามารถออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่ หากท่านต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการนำ ภ.บ.ท.5 ไปออกโฉนดที่ดิน ขอให้สอบถามที่สำนักงานที่ดินทุกแห่ง
ที่มา: กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย
ใบระวาง เลขที่ดิน หน้าสำรวจ คืออะไร?
ที่มา: กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย
- ใบระวาง คือเอกสารหลักฐานทางแผนที่บรรจุรูปแผนที่โฉนดที่ดินเพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้ง ของที่ดินแต่ละแปลงอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง 50 เซนติเมตร ยาว 50 เซนติเมตร รูปแผนที่จะมีขนาดใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับมาตราส่วนที่ใช้กับระวางนั้นๆ เช่น มาตราส่วน 1: 4000 รูปแผนที่จะมีขนาดเล็กกว่า 1: 2000 หรือ 1: 1000 เป็นต้น ระวางบางประเภทจะใช้กับรูปแผนที่ น.ส.3ก. วัตถุประสงค์ก็เพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้งของที่ดิน เช่นกัน ประโยชน์ของระวางใช้เพื่อควบคุมแผนที่รูปแปลงที่ดินที่มีกรรมสิทะ (โฉนดที่ดิน) หรือหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินชนิด น.ส.3ก. ขึ้นอยู่กับประเภทของระวางที่จัดสร้างขึ้นคือหนังสือที่ทางราชการออกให้ เพื่อเป็นการแสดงความยินยอมให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเป็นการชั่วคราว ซึ่งรัฐออกให้แก่บุคคลผู้ประสงค์จะได้ที่ดิน ของรัฐเป็นของตน โดยบุคคลผู้นั้นได้เสนอความต้องการของตนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควรก็จะอนุญาตให้เข้าครอบครองที่ดิน และออกใบจองให้ไว้เป็นหลักฐาน
- เลขที่ดิน หมายถึง เครื่องหมายแสดงตำแหน่งของที่ดินที่บรรจุอยู่ในระวางเดียวกัน
- หน้าสำรวจ หมายถึง เครื่องหมายแสดงแปลงที่ดิน ที่ทางราชการได้ทำการสอบสวนตามลำดับก่อนและหลังเพื่อการออกโฉนดที่ดิน
วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556
การนำ text จาก cad แปลงไปเป็น shape ไฟล์
ที่มา http://thaitopo.editboard.com/t31-topic
ใช้โปรแกรม AutoCAD Map ที่ชุดคำสั่ง Map>Tools>Export
ที่แท็บ Selection เลือก Text
ที่แท็บ Data เลือก Select Attributes
ขยาย + Properties แล้วติ๊กเลือกที่ STRING (ถ้าต้องการค่า Geometry อื่นๆ ก็ติ๊กเลือกได้ โดยโปรแกรมจะสร้าง Field ใน Database ให้อัติโนมัติ)
เสร็จแล้ว คลิก Ok...ตัวโปรแกรม จะสร้าง .shp ไฟล์ ให้โดยมีตัวหนังสือ อยู่ใน Field ที่ชื่อ TEXTSTRING
ใช้โปรแกรม AutoCAD Map ที่ชุดคำสั่ง Map>Tools>Export
ที่แท็บ Selection เลือก Text
ที่แท็บ Data เลือก Select Attributes
ขยาย + Properties แล้วติ๊กเลือกที่ STRING (ถ้าต้องการค่า Geometry อื่นๆ ก็ติ๊กเลือกได้ โดยโปรแกรมจะสร้าง Field ใน Database ให้อัติโนมัติ)
เสร็จแล้ว คลิก Ok...ตัวโปรแกรม จะสร้าง .shp ไฟล์ ให้โดยมีตัวหนังสือ อยู่ใน Field ที่ชื่อ TEXTSTRING
ป้ายกำกับ:
แผนที่ภาษี,
Arcview,
AutoCad Map,
GIS,
LTAX3000,
TaxMap
วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
สามารถเก็บภาษีบำรุงท้องที่ล่วงหน้าได้หรือไม่? คือเก็บทั้ง 4 ปี
ที่มา:http://userspatax.fix.gs/index.php?topic=234.0
ไม่สามารถทำได้ครับ เพราะในอีก 3 ปีข้างหน้า เจ้าของที่ดินอาจมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่ดิน รวมถึงรายละเอียดการใช้
ประโยชน์ซึ่งจะส่งผลต่อค่าภาษีที่ประเมินได้ในปีนั้นๆ และตามกระบวนการจัดเก็บภาษีที่ถูกต้องนั้น เรายังไม่ได้มีการแจ้งประเมิน
(ภ.บ.ท.10) จึงยังไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้
วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
เมื่อคำนวณภาษีแล้ว ปัดเศษสตางค์อย่างไร
ที่มา:http://userspatax.fix.gs/index.php?topic=233.0
สำหรับการปัดเศษสตางค์นั้น มีการกำหนดไว้เฉพาะภาษีบำรุงท้องที่่ ซึ่งกำหนดไว้ในบัญชีอัตราภาษีบำรุงท้องที่ตามมาตรา 7
อยู่ตรงหมายเหตุ (2) เมื่อคำนวณภาษีแล้ว เศษของ 10 สตาง์ให้ปัดทิ้ง
สำหรับภาษีโรงเรือนและที่ดินไม่มีการกำหนดไว้ ขึ้นอยู่กับแนวทางของแต่ละหน่วยงาน
สำหรับภาษีป้ายนั้นไม่มีเศษสตางค์อยู่แล้ว
วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556
วิธีคำนวณค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินที่ถูกต้อง
ที่มา:http://userspatax.fix.gs/index.php?topic=253.0
ตามมาตรา 8 ของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475
ให้ผู้รับประเมินชำระภาษีปีละครั้งตามค่ารายปีของทรัพย์สิน คือ โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นกับที่ดินซึ่งใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น นั้น ในอัตราร้อยละสิบสองครึ่งของค่ารายปี
เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ “ค่ารายปี” หมายความว่า จำนวนเงินซึ่งทรัพย์สินนั้นสมควรให้เช่าได้ในปีหนึ่งๆ
ในกรณีที่ทรัพย์สินนั้นให้เช่า ให้ถือว่าค่าเช่านั้นคือค่ารายปี แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีเหตุอันสมควรที่ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าค่าเช่านั้นมิใช่จำนวนเงินอันสมควรที่จะให้เช่าได้หรือเป็นกรณีที่หาค่าเช่าไม่ได้เนื่องจากเจ้าของทรัพย์สินดำเนินกิจการเองหรือด้วยเหตุประการอื่นให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจประเมินค่ารายปีได้ โดยคำนึงถึงลักษณะของทรัพย์สิน ขนาด พื้นที่ ทำเลที่ตั้ง และบริการสาธารณะที่ทรัพย์สินนั้นได้รับประโยชน์ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
จากมาตราดังกล่าวจะเห็นว่าถ้าทรัพย์สินดังกล่าวเจ้าของให้เช่าจะต้องคิดจากค่าเช่าเท่านั้น แต่กรณีที่ไม่สามารถหาค่าเช่าได้หรือเห็นว่าค่าเช่าที่ได้รับแจ้งนั้นมิใช่ค่าเช่าจริงก็ให้พิจารณาโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ซึ่งในที่นี้กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดแนวทางปฏิบัติไว้คือให้ อำนาจท้องถิ่นกำหนดเกณฑ์ราคาค่าเช่ามาตรฐานกลาง(บาท/ตารางเมตร/เดือน) ดูขั้นตอนการจัดทำเกณฑ์ค่าเช่ามาตรฐานกลางที่นี่ (คลิก) .... ซึ่งโดยสรุปสามารถกำหนดรูปแบบวิธีการคำนวณค่ารายปีได้ตามการใช้ประโยชน์โรงเรือนดังนี้
1. การเช่าใช้ประโยชน์โรงเรือนทั้งอาคาร
เช่น นายแดงให้เช่าบ้านในราคา 2,000.- บาทต่อเดือน ดังนั้นถ้านายแดงให้เช่าทั้งปีโดยไม่มีเดือนว่างค่ารายปีของบ้านหลังดังกล่าวที่นายแดงให้เช่าเท่ากับ 2,000 x 12 = 24,000.- บาท และค่าภาษีเท่ากับ 12.5% x 24,000.- = 3,000.- บาท
2. การเช่าใช้ประโยชน์โรงเรือนภายในอาคาร(รายเดือน)
คำนวนภาษีเช่นเดียวกับกรณีที่ 1 แต่มีหลายห้อง ซึ่งคำนวณเป็นห้องๆ ไปครับ แต่กรณีนี้อาจมีการใช้ประโยชน์พื้นที่ส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่เป็นห้องเช่าต้องนำมาบวกเพิ่มกับส่วนห้องเช่า เช่นพื้นที่สำนักงาน พื้นที่จอดรถ ซึ่งจะคำนวณจากเกณฑ์ค่าเช่ามาตรฐานกลาง เช่น เราประกาศค่าเช่ามาตรฐานกลางกรณีพื้นที่สำนักงานไว้ 10 บาท/ตารางเมตร/เดือน และอาคารดังกล่าวมีพื้นที่สำนักงาน 24 ตารางเมตร ดังนั้นค่ารายปีเท่ากับ 24x10x12 = 2,880.- บาท นำไปรวมกับค่ารายปีห้องเช่าครับ
3. การเช่าใช้ประโยชน์โรงเรือนภายในอาคาร(รายวัน)
มีการกำหนดแนวทางปฏิบัติไว้ดังนี้ ค่ารายปีกรณีการเช่าต่อวันให้คิดในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 8 ของค่าเช่าทั้งปี ดังนั้นถ้ามีห้องเช่า 300.- บาท/วัน จำนวน 8 ห้อง ค่ารายปีจะเท่ากับ 8x300x365x8% = 70,080.- บาท และนำไปรวมกับค่ารายปีพื้นที่อื่นๆครับ
4. กำหนดรายปีตามประเภททรัพย์สิน เช่น ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ครับ
วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556
ทำไมต้องทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน
ที่มา : http://www.gisphuket.com/form.php?page=article&id=20
หลายท่านคงสงสัยว่าเราทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินไปทำไม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้ประโยชน์อะไร เนื่องจากหน่วยงานบางแห่งต้องลงทุนงบประมาณจำนวนมากเพื่อจัดทำ แต่สามารถจัดเก็บภาษีได้น้อยนิดเมื่อเทียบกับงบประมาณที่ลงทุนไป และจะทำอย่างไรจึงจะสามารถจัดทำแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สินให้สามารถใช้งานได้ และใช้งบประมาณน้อย
แผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน เป็นระบบสารสนเทศเชิงพื้นที่ที่เรารู้จักกันในนาม "ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์" เนื่องจากประกอบด้วยข้อมูล 2 ประเภท คือ ข้อมูลเชิงบรรยาย(ทะเบียนทรัพย์สิน) และข้อมูลเชิงพื้นที่(แผนที่ภาษี) โดยที่ข้อมูลทั้งสองจะมีความสัมพันธ์กันทำให้สามารถสืบค้นข้อมูลไปมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นระบบสารสนเทศชนิดนี้จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานในด้านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำไปใช้ในการตรวจสอบข้อมูลทรัพย์สินที่อยู่ในข่ายชำระภาษี และยังมิได้ชำระ ซึ่งจะทำให้สามารถติดตามและจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของทรัพย์สินที่สนใจ ซึ่งจะมีผลต่ออัตราภาษีที่จะนำมาใช้ในการประเมินภาษี (ทำเลภาษี/หน่วยที่ดิน) เหล่านี้จึงเป็นเหตุผลที่ส่วนกลางพยายามผลักดันให้ท้องถิ่นจัดทำระบบดังกล่าว
นอกจากนี้หน่วยงานที่จะดำเนินการจัดทำระบบดังกล่าวยังต้องพิจารณาถึงการนำระบบดังกล่าวมาใช้งานในการบริการรับชำระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช้เพียงแค่ทำให้มีระบบเท่านั้น
ประโยชน์ที่ได้จากแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน
แผนที่ภาษี
1. ทำให้ทราบขอบเขตการปกครองของหน่วยงานในระดับแปลงที่ดิน
2. ทำให้ทราบทรัพย์สินที่อยู่ภายในขอบเขตปกครองของหน่วยงาน
3. ทำให้ทราบตำแหน่งที่ตั้งของทรัพย์สินที่สนใจ (ทำเลภาษี-การประเมินภาษีที่ถูกต้อง)
4. ทำให้ทราบทรัพย์สินที่ยังมิได้ชำระภาษี
5. เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเพิ่มรายการทรัพย์สินที่ต้องชำระภาษี(เพิ่มรายใหม่ และเพิ่มยอดภาษี)
ทะเบียนทรัพย์สิน
1. ทำให้ทราบรายละเอียดของทรัพย์สินที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันของผู้มีกรรมสิทธิ์แต่ละราย
2. ทะเบียนทรัพย์สิน เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบริการรับชำระภาษี
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)