วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สตง.สงสัยจัดซื้อระบบ GIS ไม่โปร่งใส ผู้บริหารเทศบาลแจงไม่เจตนาทำรัฐเสียหาย โยนสถ.ต้นเหตุ

สตง.ลุยต่อเทศบาลใช้ระบบจัดเก็บรายได้ไม่ คุ้มค่า สงสัยจัดซื้อจัดจ้างไม่โปร่งใส มีผลประโยชน์ทับซ้อน คนบงการ ส.ท.ท.--ผู้บริหารเทศบาล โยนสถ.ชี้ว่าจ้างวางระบบไม่ทันสมัย โปรแกรมไม่สมบูรณ์และไม่ได้ตั้งใจทำให้รัฐเสียหา

ผู้บริหารเทศบาลหลายแห่ง รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจง ภายหลังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบโครงที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) จัดสรรงบประมาณอุดหนุนทั่วไปให้เทศบาลกว่า 400 ล้านบาท เพื่อนำระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (จีไอเอส) มาใช้ ในการจัดเก็บรายได้ของเทศบาล และเทศบาลหลายแห่งนำงบฯเทศบาลมาดำเนินการอีกจำนวนหนึ่ง แต่กลับพบปัญหา โดยจากการสุ่มตรวจเทศบาล 71 แห่ง ไม่สามารถใช้ประโยชน์ หรือใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดความเสียหายกว่า 143 ล้านบาท


นายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) กล่าวเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ว่าปัญหาน่าจะเกิดจาก สถ.ให้บริษัทเอกชนหลายแห่งเข้ามาวางระบบ จึงทำให้ข้อมูลไม่เป็นปัจจุบัน โปรแกรมคอมพิวเตอร์มีปัญหา นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการเลือกตั้งที่เทศบาลบางแห่งอาจเปลี่ยนตัวผู้บริหาร งานจึงไม่ต่อเนื่อง ขณะนี้ ส.ท.ท.ร่วมมือกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยศิลปากร และสำนักวิจัย มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต พัฒนาโปรแกรมระบบจีไอเอสสำหรับงานแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน เพื่อใช้ในระบบงานของเทศบาลสมาชิกเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน มีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็ว


นอกจากนี้ ส.ท.ท .ร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต จัดฝึกอบรมการจัดทำแผนที่ภาษี การใช้โปรแกรมปฏิบัติงาน โดยวันที่ 15-21 มิถุนายนนี้ จะจัดที่มหาวิทยาลัยทักษิณ จ.สงขลา สำหรับระบบใหม่นี้มีการใช้งานที่เทศบาลต้นแบบ คือ เทศบาลเมืองลำพูน เทศบาลเมืองปทุมธานี เทศบาลเมืองพนัสนิคม เทศบาลเมืองบุรีรัมย์


ขณะที่ผู้บริหารเทศบาล ที่มีรายชื่อในกลุ่ม 25 เทศบาล ที่ถูกสุ่มตรวจพบ มีปัญหาไม่ได้ใช้งาน และใช้งานระบบจีไอเอสมาใช้จัดเก็บรายได้ไม่เต็มประสิทธิภาพนั้น นายอำนาจ วิทยา ปลัดเทศบาลเมืองชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี กล่าวว่า ได้รับงบฯทำระบบจาก สถ.เมื่อปี 2548 วงเงิน 13 ล้านบาท ใช้ไปแล้วประมาณ 6 ล้านบาท ขณะนี้ยังไม่เสร็จสิ้นโครงการ พบปัญหาเกิดจากบุคลากรขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้ระบบจีไอเอส ประกอบกับข้อมูลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เจริญเติบโตสูง ทำให้การจัดเก็บข้อมูลไม่เป็นปัจจุบัน


"ที่ผ่านมาจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 2550 ประมาณ 30 ล้านบาท ปี 2551 สูงถึง 36 ล้านบาท การันตีจากรางวัลจัดเก็บภาษีอย่างมีประสิทธิภาพจาก สถ.ปี 2551Ž"นายอำนาจกล่าว และว่า ขณะนี้ตั้งคณะกรรมการควบคุมการปฏิบัติงานตามโครงการและจัดฝึกอบรมบุคลากร เพื่อการทำงานมีประสิทธิภาพ


นายพงษ์พิสิทธิ์ ศรีจั้นแก้ว นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลผักไห่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สตง.มีหนังสือถึงเทศบาลว่าจากการประเมินผลการใช้ระบบจีไอเอสจัดเก็บรายได้ ไม่ได้ตรงตามประสงค์ เนื่องจากคอมพิวเตอร์ไม่เพียงพอ โปรแกรมไม่สมบูรณ์ และเจ้าหน้าที่ขาดความชำนาญ เทศบาลแก้ไขปัญหาแล้วโดยจัดหาคอมพิวเตอร์เพิ่มเติมพร้อมโปรแกรมที่สมบูรณ์ โดยจ้างบุคลากรในสังกัดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วางระบบ และจ้างผู้ปฏิบัติงานที่มีความชำนาญด้านคอมพิวเตอร์


"ปี 2549 จัดเก็บได้ 2,251,077 บาท ทดลองใช้จีไอเอสปี 2550 เก็บได้ 3,587,297 บาท ปี 2551 ได้ 3,586,620 บาท จะเห็นได้ว่าจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น แต่ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้เก็บภาษีแบบก้าวหน้าไม่ได้ เมื่อ สตง.แจ้งว่าควรปรับปรุงเทศบาลพร้อมดำเนินการ"นายพงษ์พิสิทธิ์กล่าว
นายพงษ์พิสิทธิ์กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น โทษองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ฝ่ายเดียวคงไม่ได้ เพราะเป็นโครงการนำร่อง คำว่านำร่องหมายถึงเพิ่งทดลองทำ ลองผิดลองถูก ขอยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากความตั้งใจให้รัฐเสียหาย


นายชโลม โปลิตานนท์ นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เป้าประสงค์ของโครงการเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน หากทำได้ประชาชนและรัฐจะได้ประโยชน์สูงสุด แต่เมื่อทดลองทำอาจต้องปรับแก้กันบ้าง และเทศบาลเร่งแก้ไขอยู่ และปกติสามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย แต่ช่วงเศรษฐกิจแบบนี้จะให้เก็บตามตัวเลขในอัตราก้าวหน้าไม่ได้ หากเก็บได้เท่าปีก่อนถือว่าดีแล้ว


ว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรี เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เทศบาลนครถือเป็นองค์กรใหญ่สุดของเทศบาลที่นำร่องโครงการนี้ เมื่อผิดพลาดได้แก้ไขตามข้อแนะนำ แต่ช่วงนี้เศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี หากเก็บภาษีในให้ได้ตัวเลขแบบก้าวหน้าที่กำหนดไว้คงทำได้ลำบาก


นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า ภายหลังการตรวจพบปัญหาที่เกิดขึ้น สตง.ได้ทำการแจ้งข้อบกพร่องการใช้งานระบบจีไอเอสของเทศบาล ไปให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น สถ. และเทศบาลต่างๆ เข้าไปปรับปรุงแก้ไขทันที ซึ่งขณะนี้ สตง.กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการรอให้หน่วยงานชี้แจงข้อเท็จจริง และความคืบหน้าการแก้ไขปัญหามาให้รับทราบ เพราะในข้อเท็จจริงแล้ว ระบบจีไอเอสถือเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่มีประโยชน์ในการปรับปรุงระบบการจัดเก็บรายได้ที่ดี หากมีการใช้งานเกิดขึ้นจริง และเต็มตามประสิทธิภาพ ก็จะเป็นประโยชน์ต่องานให้บริการประชาชน


"โครงการนี้ ถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่ชี้ให้เห็นได้ชัดเจน ถึงการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่คุ้มค่าของหน่วยงานราชการ ทั้งในส่วนของคนจ่ายเงิน และคนได้รับเงิน ไปซื้อของมาใช้ กับไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ บางหน่วยงานเห็นเขาไปซื้อมาใช้บ้างก็ไปซื้อตาม แต่ซื้อมาก็ใช้ไม่เป็น ทำกันเป็นแฟชั่น โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากความไม่พร้อมทั้งในเรื่อง คน และเครื่องมือ ที่จะรองรับการใช้งาน"นายพิศิษฐ์ระบุ


นายพิศิษฐ์กล่าวว่า นอกเหนือจากการตรวจสอบเรื่องคุ้มค่าในการติดตามระบบจีไอเอสของเทศบาลแล้ว สตง.กำลังขยายผลการตรวจสอบเชิงลึก เกี่ยวกับเหตุผลและความจำเป็นในการวางระบบจีไอเอส ครั้งนี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และกระบวนการจัดซื้อจัดระบบของแต่ละเทศบาลด้วย ว่ามีความโปร่งใสหรือไม่ และมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และมีใครอยู่เบื้องหลังสั่งการให้มีการดำเนินการเรื่องนี้หรือไม่


ส่วนเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยจะเสนอ ครม. วันที่ 19 พฤษภาคม พิจารณาการเลือกตั้งกำนันโดยตรงนั้น นายกวี ศรีวิสุทธิ์ อดีตประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เห็นด้วยเพราะที่ผ่านมาการให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้เลือกกำนั้น ทำให้ความผูกพันระหว่างกำนันกับประชาชนขาดหายไป ที่ผ่านมามีหลายตำบลในพื้นที่นครศรีธรรมราช ที่ผู้ใหญ่บ้านวิ่งเต้นซื้อเสียงผู้ใหญ่บ้านด้วยกันเพื่อให้เลือกเป็นกำนัน อยากให้แก้กฎหมายเปลี่ยนมาใช้การเลือกตั้งโดยประชาชนจะดีกว่า

ข่าววันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 เวลา 20:19:15 น. มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1242652785&grpid=01&catid=01

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น